ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A-” และ “BBB” ตามลำดับ โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นจากการรวมฐานการดำเนินการของธุรกิจตลาดทุนและธุรกิจธนาคารพาณิชย์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดเฉพาะกลุ่มที่มุ่งเน้นธุรกิจที่สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมเป็นหลัก การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความหลากหลายของรายได้โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่ได้มาจากการให้สินเชื่อ และฐานเงินทุนที่มีความแข็งแกร่งของธนาคารด้วย อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อและเงินรับฝากที่มีขนาดเล็ก และความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัดของธนาคาร
อันดับเครดิต “BBB” สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (KK25DA) สะท้อนความเสี่ยงในการด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการไม่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขการรองรับผลขาดทุนเมื่อธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ตราสารดังกล่าวมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ Basel III และเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตราสารประเภทนี้มีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่สามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ย และไม่สามารถแปลงสภาพได้ ธนาคารสามารถไถ่ถอนตราสารคืนทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนดได้ภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. โดยผู้ถือตราสารประเภทนี้มีสิทธิที่ด้อยกว่าผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคาร ทั้งนี้ ตราสารดังกล่าวสามารถตัดเป็นหนี้สูญได้ ในกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลพิจารณาเห็นว่าธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคาร ภายใต้เงื่อนไขที่ได้ระบุไว้
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารเกียรตินาคินจะยังคงสถานะทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจที่มุ่งเน้นรายได้จากค่าธรรมเนียมและจากการมีสถานะเงินทุนที่มีความแข็งแกร่ง อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมากและอย่างต่อเนื่อง หรือคุณภาพพอร์ตสินเชื่อถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ ในสถานะที่อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารในการเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจากค่าธรรมเนียมอย่างมีนัยสำคัญ หรือในกรณีที่ธนาคารมีความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ
ธนาคารเกียรตินาคินเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กซึ่งมีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 9 จากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งสิ้น 11 แห่ง โดยธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 1.6% และเงินรับฝาก 1.0% ณ สิ้นปี 2559 ภายหลังการรวมกิจการกับ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) ในปี 2555 ธนาคารและบริษัทย่อยได้จัดระบบสายงานใหม่โดยมีการแบ่งสายงานธุรกิจเป็น 3 สายตามเป้าหมายกลยุทธหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจสินเชื่อ 2. ธุรกิจ Private banking 3. ธุรกิจวาณิชธนกิจ (Investment banking) ธนาคารเกียรตินาคินมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัว โดยมีสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 58.7% และ 41.3% ตามลำดับ ในปี 2559 ในขณะที่รายได้จากธุรกิจสินเชื่อคาดว่าจะยังคงสัดส่วนสูงที่สุดในระยะปานกลาง กลยุทธ์ของธนาคารคือการเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่มุ่งเน้นรายได้จากค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะธุรกิจ Private banking ด้วยการมีฐานลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มผู้ฐานะทางการในระดับสูง ตลอดจนความเชียวชาญในด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน และบูรณาการในด้านการดำเนินธุรกิจทำให้ธนาคารมีสถานะทางการแข่งขันในธุรกิจ Private banking ภายในประเทศที่ดี นอกจากนี้ ธนาคารยังมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจหลักทรัพย์อีกด้วย
ด้วยการมีต้นทุนเงินทุนที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่กว่า ธนาคารจึงดำเนินกลยุทธที่มุ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อภายในประเทศประเภทที่ให้ผลตอบแทนสูง โดย ณ สิ้นปี 2559 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารมีสัดส่วน 66.3% ของสินเชื่อรวม ซึ่งประมาณ 52% ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นสินเชื่อสำหรับรถยนต์มือสอง ธนาคารยังมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและธุรกิจก่อสร้างจำนวนมากในระดับ 15.5% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2559 ด้วย ในขณะที่ธนาคารมีต้นทุนทางเครดิตสูงที่สุดในอุตสาหกรรมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นลักษณะของสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงนั้น ธนาคารก็มีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่สูงพอที่จะรองรับต้นทุนทางเครดิตที่สูงด้วยเช่นกัน จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและคุณภาพของสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง ธนาคารได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อลงในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารหดตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 โดย ณ สิ้นปี 2559 สินเชื่อและดอกเบี้ยรับของธนาคารมีจำนวน 177,277 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากปีก่อน
คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นจากต้นทุนทางเครดิตที่ระดับ 1.7% ในปี 2559 ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 2.8% ในปี 2557 ธนาคารยังคงนโยบายเพิ่มการกันสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง และได้ดำเนินการตามแผนยกระดับมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงทั้งองค์กร ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-performing loan (NPL) Coverage Ratio) ของธนาคารปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 110% ในปี 2559 จาก 80.3% ในปี 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมก็ลดลงเหลือ 5.65% ณ สิ้นปี 2559 จาก 5.85% ณ สิ้นปี 2558 ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เริ่มลดลง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและธุรกิจก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นในปี 2559 ต้นทุนทางเครดิตของธนาคารในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.95% ต่อปีนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยโดยเกิดจากธุรกิจสินเชื่อประเภทที่ให้ผลตอบแทนสูง
ธนาคารเกียรตินาคินมีสถานะเงินทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐาน Basel-III อยู่ที่ระดับ 18.5% ณ สิ้นปี 2559 เงินกองทุนรวมประกอบด้วยเงินกองทุนชั้นที่ 1 ประมาณ 81% โดยสถานะเงินทุนอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจในช่วง 2-3 ปีในอนาคต จากผลการดำเนินงานในปี 2559 ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยที่ระดับ 2.39% และอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยที่ระดับ 14.26% ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารมีเพียงพอที่จะรองรับสภาวะความผันผวนตามวัฏจักรธุรกิจได้
ความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนของธนาคารมีค่อนข้างจำกัด แม้ว่าการเกื้อหนุนกันระหว่างธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ทำให้ธนาคารสามารถเพิ่มสัดส่วนของบัญชีเงินกระแสรายวันและออมทรัพย์ (Current Account and Savings Account – CASA) ได้ก็ตาม แต่สัดส่วนเงินทุนจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าก็มีเพียง 51.2% ของเงินทุนรวมส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคาร ณ สิ้นปี 2559 เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 73.8% สถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าธนาคารมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการกู้ยืมเป็นอย่างมาก โดยแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมนั้นถือว่าไม่มั่นคงและมีต้นทุนค่อนข้างสูงสำหรับธุรกิจสินเชื่อของธนาคาร อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ระดับ 161.3% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ในระดับสูงที่สุดในอุตสาหกรรมก็เป็นข้อบ่งชี้อีกประการหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าธนาคารยังคงต้องพึ่งพาการกู้ยืมใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการปล่อยสินเชื่อ สภาพคล่องของธนาคารจัดว่าอยู่ในระดับเพียงพอด้วยอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินและรายการระหว่างธนาคารที่ระดับ 37% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
KK17NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A- KK187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 240 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A- KK18DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 625 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A- KK18DB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A- KK25DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html