ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะความเป็นบริษัทโฮลดิ้งในกลุ่มทิสโก้ของบริษัทซึ่งมีอำนาจในการบริหารงานและการได้รับเงินปันผลผ่านการถือหุ้น 99.99% ในธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) อันดับเครดิตสะท้อนถึงรายได้เงินปันผลที่มั่นคงจากธนาคารทิสโก้ซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ตลอดจนแหล่งรายได้ที่หลากหลายและฐานเงินทุนที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงจากการที่ธนาคารทิสโก้มีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อและเงินรับฝากที่มีขนาดเล็ก ตลอดจนการมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และการที่บริษัทต้องพึ่งพิงแหล่งเงินทุนจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่
อันดับเครดิตองค์กรของบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทิสโก้ (“A”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยหลักของกลุ่มอยู่ 1 ขั้น ซึ่งสะท้อนถึงการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้าง โดยสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของบริษัทจะด้อยกว่าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของธนาคารทิสโก้ นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงการที่บริษัทต้องพึ่งพิงรายได้เงินปันผลจากธนาคารทิสโก้เป็นหลัก รวมทั้งการกำกับดูแลจากทางการซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของธนาคารทิสโก้ในการจ่ายเงินปันผลให้แก่บริษัทด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารทิสโก้จะยังคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ และมีฐานเงินทุนและสถานะด้านรายได้ที่มีความแข็งแกร่ง อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมากและต่อเนื่อง รวมถึงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่ถดถอยลงอย่างรุนแรง ในขณะที่อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารทิสโก้ในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างยั่งยืน รวมถึงพอร์ตสินเชื่อให้หลากหลายมากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนต่างๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ
บริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นบริษัทโฮลิดิ้งของกลุ่มทิสโก้โดยมีธนาคารทิสโก้เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในการดำเนินกิจการของกลุ่ม ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2559 กลุ่มทิสโก้มีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 8 ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งสิ้น 11 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 2.1% และเงินรับฝาก 1.4% ธุรกิจธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่ไม่ได้มาจากดอกเบี้ยกว่า 89% ของรายได้รวมของกลุ่ม รายได้ในส่วนที่เหลือมาจากบริษัทย่อยอื่นๆ ในธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจบริหารกองทุน ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และ บริษัท ไฮเวย์ จำกัด กลุ่มทิสโก้มีสถานะทางธุรกิจที่ค่อนข้างมั่นคงจากธุรกิจที่มีความหลากหลายโดยรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิและเงินปันผลมีสัดส่วน 64.2% และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิมีสัดส่วน 30.4% ของรายได้รวมในปี 2559
งบดุลของกลุ่มทิสโก้สะท้อนถึงธุรกิจของธนาคารทิสโก้ซึ่งประกอบด้วยพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์กว่า 61% ในขณะที่พอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีสัดส่วน 20.7% และ 7.3% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2559 ตามลำดับ ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับ 4 จาก 16 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งและมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 10% ณ เดือนธันวาคม 2558 พอร์ตสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้หดตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 อันเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ซบเซา ณ สิ้นปี 2559 สินเชื่อและดอกเบี้ยรับของกลุ่มทิสโก้มีจำนวน 225,455 ล้านบาท ลดลง 5.6% จากปีก่อน
กลุ่มทิสโก้ได้ลงนามในสัญญาตกลงซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ธุรกิจที่ได้มาจะประกอบด้วยสินทรัพย์และหนี้สินของกลุ่มลูกค้ารายย่อยจาก SCBT ที่จะโอนมาที่ธนาคารทิสโก้และบริษัทไฮเวย์ ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 มูลค่าของสินทรัพย์สุทธิที่ได้รับการโอนมีมูลค่าประมาณ 5,500 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยทรัพย์สินมูลค่า 41,600 ล้านบาท และหนี้สิน 36,100 ล้านบาท พนักงานบางส่วนของธุรกิจลูกค้ารายย่อยของ SCBT คาดว่าจะได้รับการโอนมาเป็นพนักงานของธนาคารทิสโก้เพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย การบริหารความมั่งคั่ง และเงินฝากลูกค้ารายย่อย ธุรกิจที่ได้มาจะทำให้ธนาคารทิสโก้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางส่วนสำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ไม่มีอยู่ในธุรกิจของธนาคารในปัจจุบันได้ทันที ทริสเรทติ้งมองว่าการได้มาซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นสถาณการณ์ที่จะส่งผลดีต่อสถานะเครดิตเนื่องจากจะช่วยให้ธนาคารลดการพึ่งพาธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ลง
บริษัทมีสถานะเงินทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ Basel-III อยู่ที่ระดับ 18.36% ณ สิ้นปี 2559 โดยประกอบด้วยเงินกองทุนชั้นที่ 1 ประมาณ 75% สถานะเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทถือว่าสูงกว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย และอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ย สัดส่วนรายได้ที่เป็นค่าธรรมเนียมและบริการของบริษัทก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ในขณะที่ความสามารถในการหารายได้ของกลุ่มทิสโก้ก็มีอยู่อย่างเพียงพอที่จะรองรับสภาวะความผันผวนตามวัฏจักรธุรกิจได้
ต้นทุนทางเครดิตของกลุ่มทิสโก้ลดลงเหลือ 1.7% ในปี 2559 จากระดับสูงสุดที่ 2.1% ในปี 2558 ธนาคารทิสโก้ยังคงนโยบายเพิ่มการกันสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 80.1% ณ สิ้นปี 2558 มาอยู่ที่ระดับ 132% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมลดลงเหลือ 2.28% ณ สิ้นปี 2559 จาก 2.90% ณ สิ้นปี 2558 ซึ่งลดลงมากที่สุดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบในพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ต้นทุนทางเครดิตของทิสโก้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.57% ต่อปีซึ่งถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย
แหล่งเงินทุนของธนาคารทิสโก้สะท้อนโครงสร้างแหล่งเงินทุนของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็ก โดยมีสัดส่วนเงินฝากประจำและเงินกู้ยืมต่อแหล่งเงินทุนรวมที่สูง ในขณะที่มีสัดส่วนของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (Current Account Savings Account – CASA) ที่ต่ำ ทั้งนี้ อัตราส่วน CASA ของธนาคารทิสโก้ซึ่งอยู่ที่ 35% ณ สิ้นปี 2559 ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นจาก 31% ณ สิ้นปี พ.ศ. 2558 ยังคงอยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุดของธนาคารพาณิชย์ไทย สัดส่วนเงินกู้ยืมที่ 26.9% ของแหล่งเงินทุนรวมส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคาร ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและมีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงกลยุทธการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำและมีความยืดหยุ่นสูงกว่าเงินฝากประจำ อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากในระดับ145% ของธนาคารก็จัดว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ส่วนสภาพคล่องของธนาคารนั้นจัดว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอ แม้ว่าอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินฝากซึ่งรวมตั๋วแลกเงินและรายการระหว่างธนาคารที่ระดับ 28% ณ สิ้นปี พ.ศ. 2559 จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มไปบ้างก็ตาม
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html