บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A-" เท่าเดิม เผยยังไม่ถูกกระทบจากแผนการลงทุนของบ้านปูในการประมูลซื้อโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตขนาด 108 เมกะวัตต์ จากบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) อย่างไรก็ตาม ทริสจะติดตามแผนการลงทุน และจะประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอันดับเครดิตของบ้านปูอีกครั้ง ภายหลังจากข้อกำหนดและเงื่อนไขในการซื้อโรงไฟฟ้าเสร็จสิ้น
ทริสรายงานว่า เงินลงทุนในโครงการดังกล่าวมีจำนวนประมาณ 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อใช้ซื้อโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตขนาด 108 เมกะวัตต์จาก บริษัท ระยองเอ็นเนอยี่ จำกัด (ระยองเอ็นเนอยี่) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของทีพีไอ โดยการลงทุนดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขที่จะมีการตกลงกันอีกครั้งภายใน 6 เดือนข้างหน้า การซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวสอดคล้องกับกุลยทธ์ในการขยายธุรกิจไฟฟ้าของบ้านปู นอกจากนี้ ผลประโยชน์ที่บ้านปูจะได้รับยังรวมถึงการเพิ่มสัญญาขายถ่านหินในระยะยาวอีกประมาณ 300,000 ตันต่อปีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม จากการที่จำนวนเงินที่ใช้ในการลงทุนดังกล่าวสูงกว่าที่คาดไว้ จึงมีผลทำให้สัดส่วนของโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงจากที่ทริสเคยคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ แผนการลงทุนในครั้งนี้ยังอาจรวมถึงแผนการขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าระยองเอ็นเนอยี่อีกด้วย ซึ่งจะมีผลทำให้จำนวนเงินลงทุนของบริษัทสูงกว่าที่เคยรายงานไว้ และจะกระทบต่อสัดส่วนของโครงสร้างเงินทุนของบ้านปู
ทริสกล่าวว่า การประเมินผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนดังกล่าวจะต้องมีการวิเคราะห์รายละเอียดหลังจากได้ข้อมูลที่เพียงพอ ซึ่งอาจกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท โดยทริสจะประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตต่อไปเมื่อได้ศึกษาข้อมูลของข้อกำหนดและเงื่อนไขของการซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว
ทริสยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โรงไฟฟ้าดังกล่าวใช้ถ่านหินและน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้า และจำหน่ายไอน้ำให้แก่บริษัทในกลุ่มทีพีไอ ตลอดจนลูกค้าอื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ปัจจุบันอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตตราสารหนี้ (BP064A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2549 และ BP084A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2551) ของบ้านปูยังคงอยู่ที่ระดับเดิมคือ "A-" -- จบ
ทริสรายงานว่า เงินลงทุนในโครงการดังกล่าวมีจำนวนประมาณ 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อใช้ซื้อโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตขนาด 108 เมกะวัตต์จาก บริษัท ระยองเอ็นเนอยี่ จำกัด (ระยองเอ็นเนอยี่) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของทีพีไอ โดยการลงทุนดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขที่จะมีการตกลงกันอีกครั้งภายใน 6 เดือนข้างหน้า การซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวสอดคล้องกับกุลยทธ์ในการขยายธุรกิจไฟฟ้าของบ้านปู นอกจากนี้ ผลประโยชน์ที่บ้านปูจะได้รับยังรวมถึงการเพิ่มสัญญาขายถ่านหินในระยะยาวอีกประมาณ 300,000 ตันต่อปีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม จากการที่จำนวนเงินที่ใช้ในการลงทุนดังกล่าวสูงกว่าที่คาดไว้ จึงมีผลทำให้สัดส่วนของโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงจากที่ทริสเคยคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ แผนการลงทุนในครั้งนี้ยังอาจรวมถึงแผนการขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าระยองเอ็นเนอยี่อีกด้วย ซึ่งจะมีผลทำให้จำนวนเงินลงทุนของบริษัทสูงกว่าที่เคยรายงานไว้ และจะกระทบต่อสัดส่วนของโครงสร้างเงินทุนของบ้านปู
ทริสกล่าวว่า การประเมินผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนดังกล่าวจะต้องมีการวิเคราะห์รายละเอียดหลังจากได้ข้อมูลที่เพียงพอ ซึ่งอาจกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท โดยทริสจะประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตต่อไปเมื่อได้ศึกษาข้อมูลของข้อกำหนดและเงื่อนไขของการซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว
ทริสยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โรงไฟฟ้าดังกล่าวใช้ถ่านหินและน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้า และจำหน่ายไอน้ำให้แก่บริษัทในกลุ่มทีพีไอ ตลอดจนลูกค้าอื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ปัจจุบันอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตตราสารหนี้ (BP064A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2549 และ BP084A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2551) ของบ้านปูยังคงอยู่ที่ระดับเดิมคือ "A-" -- จบ