ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งก็จัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วยเช่นกัน โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่จะใช้ทดแทนอันดับเครดิตหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 4,500 ล้านบาทที่ประกาศเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2560 เนื่องจากบริษัทมีการปรับเพิ่มมูลค่าของหุ้นกู้ที่ออกจำหน่าย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปลงทุนตามแผน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่เป็นที่ยอมรับของบริษัทเบทาโกรในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งมีลักษณะเป็นวัฏจักรคล้ายสินค้าโภคภัณฑ์และราคาวัตถุดิบซึ่งมีความผันผวน ตลอดจนความเสี่ยงจากโรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้าของประเทศผู้นำเข้าสินค้า
บริษัทเบทาโกรก่อตั้งในปี 2510 โดยครอบครัวตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์และหุ้นส่วน ปัจจุบันบริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ณ เดือนพฤษภาคม 2560 ตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ถือหุ้นในบริษัททั้งโดยตรงในสัดส่วน 15.33% ของหุ้นทั้งหมดและถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัทแม่คือ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัด อีก 69.45% ธุรกิจของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่อาหารสัตว์ ยาสัตว์ อาหารสัตว์เลี้ยง สุกร ไก่ ไข่ ไปจนถึงไก่และสุกรแปรรูป ธุรกิจไก่และสุกรของบริษัทเป็นธุรกิจที่ครบวงจรโดยเริ่มตั้งแต่ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ไปจนถึงอาหารสำเร็จรูปที่ได้จากการแปรรูปเนื้อไก่และสุกร นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำในการผลิตเนื้อสุกรคุณภาพสูงในประเทศไทยอีกด้วย ในปี 2559 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจไก่คิดเป็นสัดส่วน 36% ของรายได้รวม รองลงมาคือธุรกิจอาหารสัตว์ (35%) และธุรกิจสุกร (19%) รายได้จากการจำหน่ายภายในประเทศคิดเป็น 89% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2559 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 11%
เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนอันเป็นธรรมชาติของอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ บริษัทให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และสร้างตราสัญลักษณ์สินค้าของตนเอง บริษัทได้ตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหารเพื่อทำงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเพื่อวางแผนเปิดตัวสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายภายในประเทศของตนเองผ่าน “ร้านเบทาโกร” เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและร้านอาหารอีกด้วย โดย ณ เดือนมีนาคม 2560 บริษัทมีร้านเบทาโกร 160 สาขาในประเทศไทยและ 6 สาขาในต่างประเทศ
ผลประกอบการของบริษัทมีความผันผวนเป็นไปตามวัฏจักรราคาของอุตสาหกรรมสัตว์บก ทั้งนี้ ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในปี 2559 ตามการฟื้นตัวของภาวะอุปทานส่วนเกิน รายได้ของบริษัทค่อนข้างคงที่ที่ระดับ 83,732 ล้านบาทในปี 2559 เทียบกับ 83,450 ล้านบาทในปี 2558 การเพิ่มขึ้นของราคาสุกรและราคาวัตถุดิบประเภทธัญพืชที่ลดลงช่วยให้อัตรากำไรของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากระดับ 4.1% ในปี 2558 มาอยู่ที่ 5.1% ในปี 2559 ทั้งนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทเพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 4,396 ล้านบาทในปี 2559
ผลประกอบการของบริษัทอ่อนตัวลงในไตรมาสแรกของปี 2560 การลดลงอย่างมากของราคาสัตว์บกได้ส่งผลลบต่อรายได้และกำไรของบริษัท โดยรายได้ของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2560 อยู่ที่ 19,107 ล้านบาท ลดลง 6.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 อัตรากำไรจากการดำเนินงานก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3% เทียบกับ 4.8% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2560 ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 443 ล้านบาท จาก 1,200 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
อัตราการก่อหนี้ของบริษัทยังอยู่ในระดับปานกลาง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเท่ากับ 45.7% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 เพิ่มขึ้นจากระดับ 42.8% ณ สิ้นปี 2559 กระแสเงินสดส่วนเกินเพื่อรองรับการชำระหนี้ลดลงแต่ยังอยู่ในระดับยอมรับได้ในช่วงราคาสัตว์บกอ่อนแอ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงจาก 30.7% ในปี 2559 เป็น 23.3% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 3.4 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 เทียบกับระดับ 12.4 เท่าในปี 2559
ในช่วงที่เหลือของปี 2560 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจากราคาสัตว์บกที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับไม่สูง การเพิ่มขึ้นของราคาไก่ภายในประเทศมาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาดส่งออกซึ่งเป็นอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในหลายประเทศ ตามปกติแล้วกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปี บริษัทได้ปรับเพิ่มแผนการลงทุนเป็นประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้าจากเดิมที่ระดับประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาทต่อปี แผนลงทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจฟาร์ม โรงงานผลิตอาหารสัตว์ และโรงงานผลิตอาหาร ด้วยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมถึงเงินลงทุนในระดับดังกล่าวคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับประมาณ 50% ในช่วงปี 2560-2562 โดยอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 9 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ในระดับ 25% ในช่วงเวลาเดียวกัน
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถดำรงสถานะผู้ผลิตรายใหญ่ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยต่อไป โดยบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ระดับประมาณ 50% ในขณะที่มีการขยายงาน
ทั้งนี้ อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะเวลาที่ยาวนานในระดับหนึ่งโดยที่โครงสร้างเงินทุนและความสามารถในการชำระหนี้จะไม่อ่อนแอลงไปจากระดับในปัจจุบัน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากการแข่งขันในธุรกิจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจนส่งผลทำให้ความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดเพื่อรองรับการชำระหนี้ของบริษัทลดลงเป็นระยะเวลานาน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html