ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำและผลงานที่ผ่านมาในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร รวมถึงความหลากหลายของสินค้า อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้ในโครงสร้างเงินทุนซึ่งจะทำให้กระแสเงินสดเมื่อเปรียบเทียบกับภาระหนี้ลดลง ในขณะที่บริษัทมีแผนการขยายโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากทั้งที่เป็นแบรนด์ของบริษัทเองและจากโครงการร่วมทุน ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงระดับหนี้ครัวเรือนของประเทศที่สูงขึ้น รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย
บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยประมาณ 100 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 160,000 ล้านบาทซึ่งประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 52% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว 41% และทาวน์เฮ้าส์ 7% ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของที่อยู่อาศัยโดยรวมของบริษัทอยู่ที่ 5.6 ล้านบาท บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอการรับรู้รายได้ ณ เดือนมิถุนายน 2560 เท่ากับ 6,800 ล้านบาท (ไม่รวมยอดขายรอการรับรู้รายได้จากโครงการร่วมทุนมูลค่า 23,000 ล้านบาท) และมีจำนวนหน่วยเหลือขาย (ทั้งที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท (ไม่รวมจำนวนหน่วยเหลือขายจากโครงการร่วมทุนมูลค่า 14,000 ล้านบาท)
ยอดขายของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมาอยู่ที่ 14,861 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายคอนโดมิเนียมในโครงการร่วมทุน รายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ลดลงเล็กน้อยประมาณ 1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 15,517 ล้านบาท รายได้จากการขายที่อยู่อาศัยลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วในขณะที่รายได้จากการบริหารโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้ รายได้บางส่วนของบริษัทในช่วงที่เหลือของปี 2560 จะมาจากยอดขายที่รอการส่งมอบมูลค่า 5,700 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายที่รอการส่งมอบจำนวนมากจากโครงการร่วมทุนจะช่วยหนุนให้รายได้จากการบริหารโครงการที่อยู่อาศัยเติบโต ตามสมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยสัดส่วนของรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยจะลดลงเหลือ 70%-75% ของรายได้รวม ในขณะที่สัดส่วนของรายได้จากธุรกิจการบริหารโครงการที่อยู่อาศัยจากโครงการร่วมทุนจะเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงเหลือ 29% ของรายได้รวมในปี 2558 และ 31% ในช่วงปี 2559 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2560 จาก 33%-34% ในช่วงปี 2553-2557 เนื่องจากบริษัททำกิจกรรมทางการตลาดในหลายโครงการเพื่อระบายสินค้าสร้างเสร็จเหลือขาย ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทดีขึ้นมาอยู่ที่ 17% ของรายได้รวมในช่วงปี 2558 ถึงครึ่งแรกของปี 2560 จาก 20%-24% ในช่วงปี 2554-2557 อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (ซึ่งคำนวณโดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) อยู่ที่ประมาณ 13%-15% ในช่วงปี 2557 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2560 อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8%-10% ของรายได้รวมในช่วงปี 2558 ถึงครึ่งแรกของปี 2560 ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานและอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ระดับปัจจุบันเอาไว้ได้แม้ว่าบริษัทจะได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงเนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยชะลอตัวและจากอัตรากำไรที่ลดลงจากธุรกิจการบริหารที่อยู่อาศัยในโครงการร่วมทุน
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน (รวมเงินกู้จากกิจการร่วมค้าตามสัดส่วน) เพิ่มขึ้นเป็น 62% ณ เดือนมิถุนายน 2560 จาก 59% ณ เดือนธันวาคม 2559 และ 57% ณ เดือนธันวาคม 2558 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเท่ากับ 9 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2560 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 6-7 เท่าในช่วงปี 2557-2559 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนและอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสูงขึ้นจากระดับปัจจุบันจากการขยายธุรกิจทั้งโครงการของบริษัทเองและโครงการร่วมทุน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ควรเกินกว่า 60% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายควรต่ำกว่า 6-7 เท่า
สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเท่ากับ 9%-12% ในช่วงปี 2558 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 8% ในปี 2557 และ 4% ในปี 2556 บริษัทใช้หุ้นกู้และเงินกู้โครงการเป็นแหล่งเงินทุนหลักในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 บริษัทมีเงินสดจำนวน 3,454 ล้านบาท และวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้และสามารถเบิกใช้ได้ทันทีจำนวน 43,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาทต่อปีเป็นอย่างต่ำ ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนดังกล่าวคาดว่าจะเพียงพอต่อการชำระคืนหนี้จำนวนประมาณ 18,000 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน อีกทั้งจะรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานและอัตรากำไรสุทธิที่ระดับปัจจุบันเอาไว้ได้ในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทควรรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน (รวมเงินกู้จากกิจการร่วมค้าตามสัดส่วน) ให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 60% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายให้ต่ำกว่า 6-7 เท่า
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากสถานะทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายควรอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 5 เท่าในช่วงระยะเวลาหนึ่งและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมควรเพิ่มเป็น 14%-15% ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทถดถอยลงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
SIRI181A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB+
SIRI185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB+
SIRI188A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 BBB+
SIRI194A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB+
SIRI194B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB+
SIRI197A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB+
SIRI19OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 BBB+
SIRI204A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+
SIRI206A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable