ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” และยังคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สำหรับหุ้นกู้ชุดดังกล่าว โดยอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวสะท้อนความน่าเชื่อถือของทั้งผู้ค้ำประกันและผู้ออกตราสาร ทั้งนี้ หุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทได้รับการค้ำประกันในสัดส่วน 65% ของเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระโดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” (International Scale) จาก S&P Global Ratings ส่วนแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ของหุ้นกู้นั้นมีพื้นฐานมาจากความน่าเชื่อถือของบริษัทกรุ๊ปลีสซึ่งสะท้อนประวัติผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสั้นของบริษัทในตลาดต่างประเทศและความเสี่ยงจากการกระจุกตัวจากการปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่ให้แก่ผู้กู้เพียงไม่กี่ราย นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการด้อยค่าของสินทรัพย์จากเงินลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศศรีลังกาด้วย
ณ เดือนมิถุนายน 2560 บริษัทกรุ๊ปลีสมีสินทรัพย์จำนวน 18,277 ล้านบาท โดยสัดส่วนใหญ่ที่สุด (37.52% ของสินทรัพย์รวม) ประกอบด้วยสินเชื่อที่ปรับปรุงแล้ว (Adjusted Loans) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อรายย่อยหรือไมโครไฟแนนซ์ และสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคที่ปล่อยให้แก่ผู้กู้ยืมในประเทศไทย กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) พม่า และอินโดนีเซีย บริษัทยังมีการปล่อยสินเชื่ออีก 1 ประเภทคือสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือสินเชื่อ SME ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 โดยประมาณหรือ 16.96% ของสินทรัพย์รวมของบริษัทด้วย สินเชื่อ SME เป็นเงินให้สินเชื่อแก่ผู้กู้ 2 กลุ่มซึ่งจดทะเบียนในประเทศไซปรัสและประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในปริมาณที่มากคิดเป็นสัดส่วน 19.65% ของสินทรัพย์รวมอีกด้วย ส่วนที่เหลือประกอบด้วยเงินลงทุนใน Commercial Credit and Finance PLC (CCF) ซึ่งประกอบธุรกิจในประเทศศรีลังกาในสัดส่วน 14.10% รวมทั้งเงินลงทุนในบริษัทอื่นๆ ในประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และพม่ารวมกันคิดเป็นสัดส่วน 3.68% และสินทรัพย์อื่น ๆ อีก 8.09%
บริษัทได้เริ่มขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในปี 2556 โดยมีสินทรัพย์และเงินลงทุนในต่างประเทศรวมกันคิดเป็นประมาณ 50% ของสินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีประวัติผลงานที่ยังสั้นในการลงทุนนอกประเทศไทยและต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นจากตลาดดังกล่าว
ในปี 2556 บริษัทเริ่มปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อในประเทศกัมพูชาผ่านบริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดคือ GL Finance PLC (GLF) โดยมีความร่วมมือกับ Honda NCX ซึ่งเป็นผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศกัมพูชา ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 สินเชื่อคงค้างของ GLF คิดเป็น 30% โดยประมาณของสินเชื่อคงค้างรวมของบริษัท
ในปี 2557 บริษัทเริ่มดำเนินกิจการใน สปป. ลาว ผ่านบริษัทลูกคือ GL Leasing (Lao) Co., Ltd. (GLL) โดยมีรูปแบบธุรกิจที่ใกล้เคียงกับในประเทศกัมพูชา คือการเน้นให้สินเชื่อเครื่องจักรทางการเกษตรและสินเชื่อรถจักรยานยนต์
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียโดยผ่านบริษัทลูกคือ PT Group Lease Finance Indonesia (GLFI) ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง Group Lease Holdings Pte., Ltd. (GLH) (ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์และมีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้ง) รวมทั้ง J Trust Asia Pte., Ltd. และบริษัทท้องถิ่นในอินโดนีเซียอีกแห่งหนึ่งด้วย โดย GLFI ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐของประเทศอินโดนีเซีย (OJK) ในเดือนกรกฎาคม 2559
เพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจกับผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศกัมพูชา บริษัทจึงมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2558 บริษัทเริ่มปล่อยสินเชื่อผ่าน GLH ด้วยวงเงินที่มีนัยสำคัญในสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่กลุ่มผู้กู้ยืม 2 กลุ่มซึ่งจดทะเบียนในประเทศไซปรัสและสิงคโปร์ โดยผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มนี้ได้ปล่อยสินเชื่อซึ่งได้รับมาจาก GLH ต่อไปยังผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศกัมพูชา ณ สิ้นปี 2558 บริษัทมีเงินให้สินเชื่อคงค้างแก่ผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มนี้รวมกันเท่ากับ 2,758 ล้านบาท มูลค่าของเงินให้สินเชื่อนี้เติบโตอย่างรวดเร็วโดยเพิ่มขึ้นเป็น 3,759 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 หรือ 21.77% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 มูลค่าของสินเชื่อคงค้างนี้ลดลงเหลือ 3,100 ล้านบาท หรือ 16.96% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งทำให้ความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของบริษัทลดลงแต่ยังถือว่าความเสี่ยงดังกล่าวอยู่ในระดับที่สูง ในปี 2559 และช่วงครึ่งแรกของปี 2560 รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมแก่ผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวรวมกันคิดเป็น 16.3% และ 15.2% ของรายได้รวมของบริษัทตามลำดับ
บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศศรีลังกาในเดือนธันวาคม 2559 โดยการลงทุนในหุ้นสามัญของ CCF มูลค่ารวม 2,489 ล้านบาทผ่าน GLH ทำให้บริษัทมีสัดส่วนเงินลงทุนใน CCF อยู่ที่ 29.99% ของทุนเรือนหุ้นทั้งหมด ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อเงินลงทุนใน CCF เพิ่มขึ้นอีก 3.6 ล้านบาทซึ่งรวมเป็น 2,493 ล้านบาทจากค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบสถานะการเงิน ทั้งนี้ การลงทุนในประเทศศรีลังกาอาจนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโต แต่ก็อาจทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ด้วยเช่นกัน ภายใต้วิธีส่วนได้เสียงบดุลของบริษัทสะท้อนมูลค่าทางบัญชีของเงินลงทุนใน CCF ที่ 2,545 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 และ 2,576 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560
คุณภาพของสินเชื่อปรับปรุงแล้วของบริษัทปรับตัวดีขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะยังเติบโตในระดับที่ค่อนข้างช้า เช่นเดียวกับกระบวนการจัดเก็บหนี้ของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน คุณภาพของสินเชื่อที่ปรับปรุงแล้วซึ่งปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 3 เดือน) ต่อสินเชื่อที่ปรับปรุงแล้วลดลงจาก 9.4% ณ สิ้นปี 2557 เป็น 5.93% ณ สิ้นปี 2558 และ 4.36% ณ สิ้นปี 2559 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 อัตราส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.46% ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงนโยบายการอนุมัติสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังคาดหวังด้วยว่าบริษัทจะดำเนินมาตรการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่องต่อไป อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินเชื่อของบริษัทในประเทศกัมพูชาเริ่มเสื่อมถอยลงและถือเป็นประเด็นกังวล
ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในปี 2558 และปี 2559 โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองต่อสินเชื่อที่ปรับปรุงแล้วถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 5.4% ในปี 2558 และ 4.68% ในปี 2559 อีกทั้งอัตราส่วนขาดทุนจากการขายรถจักรยานยนต์ยึดคืนต่อสินเชื่อที่ปรับปรุงแล้วถัวเฉลี่ยก็ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 5.38% ในปี 2558 และ 3.47% ในปี 2559 ในขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 583 ล้านบาทในปี 2558 และ 1,063 ล้านบาทในปี 2559 และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 6.46% ในปี 2558 และ 7.58% ในปี 2559 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 664 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.95% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2559 ในขณะที่อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 7.48% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) ลดลงจาก 7.94% (ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว) จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2559
บริษัทขยายฐานสินเชื่อโดยการออกหุ้นกู้แปลงสภาพผ่านการสนับสนุนจากหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ J Trust Asia Pte., Ltd. อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 49.24% ณ สิ้นปี 2559 และ 45.41% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 ฐานทุนของบริษัทยังคงเพียงพอสำหรับรองรับธุรกิจให้สินเชื่อรถจักรยานยนต์ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและสำหรับการขยายสินเชื่อ ฐานทุนที่เข้มแข็งขึ้นของบริษัทจะเป็นปัจจัยส่งเสริมใน 2 ด้านคือ ช่วยเป็นฐานในการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศและใช้เป็นเงินสำรองเพื่อช่วยปกป้องผลประกอบการของบริษัทจากผลขาดทุนอันอาจเกิดจากกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูง
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” ของหุ้นกู้ของบริษัทสะท้อนความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทที่เพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ การขยายตัวไปในตลาดที่มีความเสี่ยงสูงกว่าตลาดเดิมในประเทศไทย การให้สินเชื่อขนาดใหญ่แก่ผู้กู้รายใหญ่เพียงไม่กี่ราย และความเสี่ยงจากการด้อยค่าของสินทรัพย์จากการลงทุนในประเทศศรีลังกา ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่จะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธุรกรรมที่จัดเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทก็นับเป็นประเด็นกังวลต่อการจัดอันดับเครดิตด้วย
การปรับลดอันดับเครดิตของหุ้นกู้อาจเกิดขึ้นในกรณีที่มีประเด็นความไม่แน่นอนอื่น ๆ เกิดขึ้น หรือกรณีที่คุณภาพสินทรัพย์หรือความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเสื่อมถอยลงมากกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดไว้ หรือกรณีที่ความน่าเชื่อถือทางด้านเครดิตของผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ของบริษัทอ่อนแอลง ทั้งนี้ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html