ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของผู้ผลิตสินค้าเครื่องดื่มชั้นนำของไทยคือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ ในส่วนของอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทนั้นก็สะท้อนถึงสถานะผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มในประเทศไทย ตลอดจนการมีกระแสเงินสดที่เติบโตขึ้น และสภาพคล่องทางการเงินที่ดี อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงที่บริษัทต้องเผชิญในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร ตลอดจนการชะลอตัวของเศรษฐกิจซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนฐานะที่บริษัทเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทไทยเบฟเวอเรจโดยพิจารณาจากบทบาทของบริษัทในการสร้างรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์และอาหาร รวมทั้งบทบาทการทำหน้าที่เป็นครัวกลางให้แก่ธุรกิจอาหารของบริษัทไทยเบฟเวอเรจด้วย โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตชาพร้อมดื่มและเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์อื่น ๆ ตลอดจนรับผิดชอบบริหารครัวกลางและเครือร้านอาหารญี่ปุ่น ตราสัญลักษณ์สินค้า “โออิชิ” ของบริษัทเป็นหนึ่งในตราสัญลักษณ์สำคัญสำหรับเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์และเครือร้านอาหารญี่ปุ่นของกลุ่มบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ทั้งนี้ ณ เดือนพฤษภาคม 2560 บริษัทไทยเบฟเวอเรจถือหุ้นในสัดส่วน 79.7% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทและมีส่วนในการควบคุมการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิด บริษัทได้รับการสนับสนุนและได้รับประโยชน์หลายด้านจากการผสานพลังทางธุรกิจกับบริษัทไทยเบฟเวอเรจไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งคณะผู้บริหารและคณะกรรมการที่มีความสามารถ ตลอดจนระบบเครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวาง และการใช้เครื่องจักรในการผลิตร่วมกัน เป็นต้น ทั้งนี้ เครือข่ายการจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ของบริษัทแม่ช่วยให้สินค้าของบริษัทกระจายตัวครอบคลุมในตลาดต่าง ๆ และเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีโอกาสเติบโตในตลาดต่างประเทศด้วย บริษัทยังทำหน้าที่เป็นหน่วยผลิตเครื่องดื่มให้แก่กลุ่มบริษัทแม่โดยผลิตสินค้าประเภทนมและน้ำดื่ม นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถจัดซื้อวัตถุดิบร่วมกับบริษัทไทยเบฟเวอเรจซึ่งช่วยทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองกับคู่ค้ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทไทยเบฟเวอเรจได้รับการจัดอันดับโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่”
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับแรงหนุนจากฐานะการเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มชั้นนำในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดชาพร้อมดื่มอีกทั้งการสนับสนุนจากบริษัทแม่ทำให้บริษัทคงความได้เปรียบทางการแข่งขันเอาไว้ได้ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 46.5% ของตลาดชาพร้อมดื่มภายในประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 44% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีตราสัญลักษณ์ “โออิชิ” (Oishi) เป็นตราสินค้าหลักของบริษัทซึ่งสร้างกระแสความเป็นญี่ปุ่น สถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของบริษัทเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของตราสัญลักษณ์ในขณะเดียวกันก็มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
บริษัทดำเนินธุรกิจเครือภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นภายใต้ตราสัญลักษณ์จำนวน 7 ตรา อีกทั้งยังจำหน่ายอาหารแช่แข็งและแช่เย็นและให้บริการจัดส่งอาหารอีกด้วย ณ เดือนมิถุนายน 2560 บริษัทมีเครือภัตตาคารรวม 242 สาขา โดยร้านชาบูชิ (Shabushi) ซึ่งเป็นภัตตาคารชาบูชาบูหม้อไฟและซูชิข้าวปั้นญี่ปุ่นแบบบุฟเฟต์นั้นมีจำนวนสาขาประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนสาขาร้านอาหารทั้งหมดของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีร้านอาหารในเครือที่สำคัญอื่น ๆ ด้วย เช่น โออิชิ แกรนด์ (Oishi Grand) โออิชิ อีทเทอเรียม (Oishi Eaterium) โออิชิ บุฟเฟ่ต์ (Oishi Buffet) โออิชิ ราเมน (Oishi Ramen) นิคุยะ (Nikuya) และคาคาชิ (Kakashi) เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้ทำการปรับปรุงรูปแบบเมนูร้านอาหารภายใต้ตราสัญลักษณ์ Nikuya และ Kakashi อีกทั้งยังได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบร้าน Oishi Buffet บางสาขามาเป็น Oishi Eaterium ภายใต้แนวคิดที่ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าด้วยคุณภาพอาหารที่สูงขึ้นด้วย ทั้งนี้ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามามากขึ้นรวมทั้งเพิ่มยอดขายและกำไร บริษัทวางแผนขยายสาขาร้านอาหารให้ทั่วเมืองใหญ่ 15 สาขาต่อปี นอกจากนี้ ยังมีแผนจะขยายธุรกิจประเภทสินค้าอาหารพร้อมรับประทานและสินค้าอาหารแช่แข็งด้วย
อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์และร้านอาหาร โดยธุรกิจทั้งสองประเภทมีการส่งเสริมการขายเกิดขึ้นบ่อยและมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง นอกจากนี้ บริษัทยังเผชิญกับผลกระทบที่เกิดจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าอีกด้วย โดยยอดขายจากร้านอาหารสาขาเดิมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างเชื่องช้าและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ยอดขายจากธุรกิจอาหารของบริษัทลดลงปีละประมาณ 1%-2% ในช่วงปี 2558 ถึงช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ปีงบประมาณใหม่ของบริษัทเริ่มในเดือนตุลาคม) โดยยอดขายจากสาขาเดิมลดลง 6% ในปี 2559 และลดลง 1.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560
อันดับเครดิตได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีของบริษัทซึ่งขับเคลื่อนโดยยอดขายเครื่องดื่มที่เติบโตเป็นอย่างดี บริษัทมีรายได้รวม 10,399 ล้านบาทในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2559 และ 10,101 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ยอดขายจากธุรกิจเครื่องดื่มสร้างรายได้ในสัดส่วน 52% ของรายได้รวมในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 ในขณะที่ธุรกิจอาหารมีสัดส่วน 48% ยอดขายจากธุรกิจเครื่องดื่มเติบโตสูงถึง 12% ในปี 2559 จากผลของการออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่และการมีรายได้จากการรับจ้างผลิตเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นโดยเพิ่มเป็น 18.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 เปรียบเทียบกับ 13.3% ในปี 2558 และ 10.6% ในปี 2557 โดยเป็นผลจากมาตรการควบคุมต้นทุนของบริษัท ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดที่ได้ผลดี และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ นอกจากนี้ สายการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีการบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ (Cold Aseptic Filling -- CAF) ก็ยังส่งผลในการประหยัดต้นทุนอีกด้วย บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,907 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 สภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมมากกว่า 45% ในช่วงปี 2556 ถึงช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 46.1 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 เพิ่มขึ้นจาก 17 เท่าในปี 2558 ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 2,019 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2560 โดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนในระดับต่ำที่ 27.8%
ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ต่อปีของบริษัทจะเติบโตในอัตราปานกลางโดยมีแรงขับเคลื่อนจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการขยายสาขาร้านอาหาร คาดว่าการส่งออกสินค้าเครื่องดื่มไปยังประเทศเพื่อนบ้านยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนกำไรของบริษัทแม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น แต่ก็ยังคงมีแรงกดดันจากกฎระเบียบใหม่คือภาษีสรรพสามิตและภาษีที่เรียกเก็บจากเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลซึ่งจะทำให้ต้นทุนของบริษัทสูงขึ้นได้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 1,700-2,000 ล้านบาทต่อปีซึ่งรวมผลกระทบจากภาษีสรรพสามิตแล้ว และคาดว่าสภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนประมาณ 4,400 ล้านบาทในช่วงปี 3 ปีข้างหน้าเพื่อใช้ขยายสาขาร้านอาหาร รวมทั้งเพื่อเสริมศักยภาพเครื่องจักรการผลิต และซ่อมบำรุงสายการผลิตเครื่องดื่ม โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ในระดับไม่เกิน 40%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ อีกทั้งจะยังคงรักษาสถานะทางการแข่งขันในตลาดชาพร้อมดื่มและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป
ความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทจะเกิดจากสถานะทางการเงินของบริษัทที่อ่อนแอลงอันเนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่ถดถอยลง และ/หรือโครงสร้างเงินทุนที่อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นระยะเวลานาน การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทจะเกิดจากการที่บริษัทมีผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าการเปลี่ยนแปลงในระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทและความเกี่ยวโยงที่บริษัทมีกับบริษัทไทยเบฟเวอเรจจะส่งผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทตามไปด้วย
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html