ทริสจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้โคโค่ "BBB+"
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2543 บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด (ทริส) ประกาศอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2548 ของ บริษัท เดอะ โคเจเนอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในระดับ "BBB+" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงโครงสร้างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัท เทคโนโลยีโคเจเนอเรชั่นที่มีประสิทธิภาพสูง สัญญาการซื้อเชื้อเพลิงระยะยาว รวมถึงการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากก๊าซเพียงชนิดเดียวลงของโรงไฟฟ้าของกลุ่ม ในขณะที่บางส่วนของจุดเด่นเหล่านี้ถูกลดทอนด้วยความเสี่ยงของผลประกอบการและฐานะทางการเงินในระยะสั้น รวมทั้งความไม่แน่นอนของการดำเนินงานในช่วงเริ่มต้นของโรงไฟฟ้าที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในส่วนของโครงการระยะที่ 3
จากโครงสร้างของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของบริษัททั้งในส่วนกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกับลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ สัญญาขายไฟฟ้าเป็นสัญญาระยะยาวอายุระหว่าง 15 ถึง 25 ปี และการกำหนดปริมาณพลังงานไฟฟ้าขั้นต่ำที่ลูกค้าจะต้องซื้อสามารถรับประกันความสม่ำเสมอของรายได้ ภาระความเสี่ยงด้านความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศและราคาเชื้อเพลิงจะส่งผ่านไปยังลูกค้าโดยการปรับเปลี่ยนราคาต่อหน่วยของอัตราค่าพลังไฟฟ้าตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างดอลล่าร์สหรัฐและบาท และโดยการชดเชยที่บริษัทจะได้รับเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเชื้อเพลิง
บริษัทเลือกใช้เทคโนโลยีโคเจเนอเรชั่นในการผลิตไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าและสาธารณูปโภคด้วยประสิทธิภาพที่สูงถึง 65%-70% ของความร้อนที่ใช้ นอกจากนี้ยังเหมาะสมในการสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าในผลิตภัณฑ์หลายประเภทพร้อมๆ กัน เช่น ไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม อุปกรณ์ที่สำคัญของโรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับการผลิตและติดตั้งโดยบริษัทผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง เช่น General Electric (GE) และ GEC Alstom นอกจากนี้ บริษัทและบริษัทย่อยคือ บริษัท เอ็มทีพี โคเจเนอเรชั่น จำกัด ยังได้ทำสัญญาระยะยาวในการซื้อบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมโรงไฟฟ้ากับ Consortium of General Electric Energy Parts Inc. & General Electric International Operations Co. (GE) ด้วย ซึ่ง GE จะเป็นผู้จัดหาและบำรุงรักษาอุปกรณ์สำคัญของโรงไฟฟ้าของบริษัทและบริษัทย่อยในระดับราคาที่ได้กำหนดไว้ เป็นระยะเวลายาวนานถึง 9-11 ปี
โรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งดำเนินการโดยบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งคือ บริษัท ไทยโคเจเนเรชั่น จำกัด ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเชื้อเพลิงเพียงชนิดเดียวคือก๊าซลง โดยปริมาณการพึ่งพาก๊าซคาดว่าจะลดลงจาก 100% ของเชื้อเพลิงที่ใช้ทั้งหมดก่อนโรงไฟฟ้าถ่านหินเปิดดำเนินการเป็น 75% ของเชื้อเพลิงที่ใช้ทั้งหมดหลังจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเปิดดำเนินการ นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายก๊าซและถ่านหินระยะยาวยังช่วยรับประกันความเสี่ยงอันเนื่องมาจากภาวะการขาดแคลนเชื้อเพลิงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต แม้ว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทในกลุ่มจะแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ก็ตาม แต่บริษัทก็ยังคงมีความเสี่ยงในลำดับต่อมาคือ ความเสี่ยงในด้านการดำเนินงานที่อาจเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในระยะที่ 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ
เมื่อพิจารณางบรวมแล้ว ณ เดือนมีนาคม 2543 อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อหนี้สินรวมและส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ระดับ 61.72% และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2542 อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้และดอกเบี้ย (ไม่นับบัญชีเงินสำรองและเงินสด) อยู่ที่ระดับ 1.61 เท่า