ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตนกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA” โดยอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มากประสบการณ์และฐานะความเป็นผู้นำตลาดของบริษัทในธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทยังสะท้อนถึงปัจจัยอีก 3 ประการ ได้แก่ ฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนที่ผ่านมา ระบบบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง และความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับสูงจากการที่บริษัทสามารถรับเงินสนับสนุนจากบริษัทแม่คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้อย่างเพียงพอ
อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเนื่องจากบริษัทมีฐานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยธนาคารได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AAA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ บริษัทประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และให้บริการจัดเก็บหนี้ในพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ทั้งหมดของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งการดำเนินการทั้ง 2 ประการดังกล่าวของบริษัทมีส่วนช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธนาคารในธุรกิจให้บริการสินเชื่อยานพาหนะ
บริษัทอยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส มีฐานะเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 โดยบริษัทมียอดลูกหนี้คงค้างทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วน 5% ของยอดสินเชื่อตามงบการเงินรวมของธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทมีรายได้สุทธิสำหรับปี 2559 คิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้สุทธิตามงบการเงินรวมของธนาคาร การสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาคาดว่าจะช่วยยกระดับฐานะทางการตลาดในธุรกิจหลักและเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทได้มากยิ่งขึ้น
ก่อนปี 2557 บริษัทเป็นบริษัทลูกเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาภายใต้ชื่อ “กรุงศรี ออโต้” (Krungsri Auto) โดยเป็นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถยนต์ใหม่ รถยนต์ใช้แล้ว และรถจักรยานยนต์ นอกจากนี้ บริษัทยังให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันด้วย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2557 บริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในรูปแบบใหม่โดยสินเชื่อรถยนต์ที่ปล่อยใหม่ทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีรถยนต์เป็นหลักประกันจะถูกบันทึกที่บัญชีของธนาคาร ทำให้ปัจจุบันธุรกิจหลักของบริษัทประกอบด้วยการให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ การให้บริการสินเชื่อเพื่อการซื้อสินค้าคงคลัง การให้บริการนายหน้าธุรกิจประกัน และการบริหารสินเชื่อรถยนต์คงค้าง การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจของธนาคารซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและก่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังจะเป็นผู้ให้บริการเก็บหนี้ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั้งหมดให้แก่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันบริษัทมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในบรรดาผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ทั้ง 10 รายในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งในแง่ของปริมาณยอดสินเชื่อคงค้าง โดยบริษัทมียอดคงค้างของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รวม 10,735 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2557 13,418 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 และ 17,521 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 ปัจจุบันยอดคงค้างสินเชื่อดังกล่าวเติบโตที่ระดับ 19,619 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2560 (ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี)
ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจสินเชื่อยานพาหนะที่ยาวนานถึง 20 ปี บริษัทสามารถสร้างคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและพัฒนารูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็งจนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการแข่งขันและยังคงฐานะความเป็นผู้นำอยู่ได้ บริษัทปฏิบัติตามรูปแบบการบริหารความเสี่ยงของธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งได้รับแนวทางมาจาก GE Capital International Holdings Corporation (GECIH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของธนาคารในอดีต และ Bank of Tokyo Mitsubishi UFJ Co., Ltd. (BTMU) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ของธนาคารในปัจจุบัน นอกจากนี้ ทั้งบริษัทและธนาคารกรุงศรีอยุธยาต่างก็ได้รับการกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้มาตรฐานเดียวกันด้วย การบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตที่รัดกุมและระบบการจัดเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพช่วยทำให้บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในธุรกิจเดียวกัน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งหมายถึงสินเชื่อที่ค้างชำระเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไปต่อยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อรวมของบริษัทมีทิศทางเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนมาอยู่ที่ระดับ 1.54% เมื่อสิ้นปี 2556 ที่ระดับ 2.11% เมื่อสิ้นปี 2557 และอยู่ที่ระดับ 2.44% เมื่อสิ้นปี 2558 จากระดับ 1.11% เมื่อสิ้นปี 2555 คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทลดลงระหว่างการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งนี้ อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ยังทรงตัวอยู่ที่ 2.42% ณ สิ้นปี 2559 แต่ปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 2.39% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 (ยังไม่ได้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชี)
ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงเล็กน้อยในปี 2556 และปี 2557 เนื่องจากระดับราคารถยนต์และรถจักรยานยนต์ใช้แล้วที่ลดต่ำลงอย่างมากซึ่งเป็นผลกระทบจากโครงการรถคันแรก ทำให้บริษัทแสดงผลขาดทุนจากการขายสินทรัพย์รอการขายอย่างมีนัยสำคัญเช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ รายได้สุทธิของบริษัทลดลงจาก 4,750 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 3,443 ล้านบาทในปี 2556 และ 3,123 ล้านบาทในปี 2557 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยในปี 2556 และปี 2557 ก็ลดลงเช่นกัน โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 1.6% ในปี 2556 และปี 2557 จาก 2.68% ในปี 2555 และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยลดลงเป็น 15.94% ในปี 2556 และ 11.7% ในปี 2557 จาก 27.14% ในปี 2555 อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 ผลการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดเนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง ส่งผลให้รายได้สุทธิของบริษัทในปี 2558 เท่ากับ 3,589 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.92% จากปี 2557 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยในปี 2558 จึงเพิ่มขึ้นเป็น 2.59% และ 12.04% ตามลำดับ ในปี 2559 รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 4,285 ล้านบาทเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลงและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 4.45% และ 14.6% ตามลำดับ
ความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับสูงของบริษัทเกิดจากการที่บริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยประเภท Solo Consolidated Subsidiary ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จึงส่งผลให้บริษัทต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของ ธปท. นอกจากนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยายังสามารถให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทในวงเงินที่เพียงพออีกด้วย
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มความแข็งแกร่งของฐานทุนผ่านการปรับโครงสร้างเงินทุน หลังจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัทได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นชาวต่างชาติ สถานะของบริษัทจึงเปลี่ยนเป็นบริษัทต่างชาติด้วยเช่นกัน พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวกำหนดให้บริษัทต้องดำรงฐานทุนที่เพียงพอเพื่อรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ให้ต่ำกว่า 7 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2557 บริษัทจึงได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทและจัดสรรกำไรสะสมจำนวน 20,900 ล้านบาทให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในรูปแบบของการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 25,545 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2557 จาก 1,045 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มเป็น 28,367 ล้านบาทจาก 24,092 ล้านบาท อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 11.38% ณ เดือนมีนาคม 2557 เป็น 14.53% ณ เดือนมิถุนายน 2557 อัตราส่วนดังกล่าวยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 18.3% ณ สิ้นปี 2557 เป็น 26.1% ณ สิ้นปี 2558 และ 36.68% ณ สิ้นปี 2559 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนก็ลดลงจาก 7.78 เท่า ณ เดือนมีนาคม 2557 เป็น 5.88 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2557 และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 4.46 เท่า ณ สิ้นปี 2557 เป็น 2.83 เท่า ณ สิ้นปี 2558 และเป็น 1.73 เท่า ณ สิ้นปี 2559
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าทิศทางธุรกิจของบริษัทจะยังคงมีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยาและบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารต่อไป แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของผู้บริหารในการรักษาฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ของบริษัทเอาไว้ได้ด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าปัจจัยเอื้ออำนวยต่าง ๆ เช่น ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ระบบบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะช่วยให้บริษัทสามารถดำรงความสามารถในการทำกำไรและรักษาฐานทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอเพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงขาลงของธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากสถานะทางการตลาดและผลประกอบการทางการเงินของบริษัทปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่การลดลงของสถานะทางการแข่งขันหรือคุณภาพสินทรัพย์จะส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิต นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตก็อาจเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html