ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” และปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Negative” หรือ “ลบ” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตที่ปรับใหม่สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นนี้เอาไว้ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าโดยที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะไม่อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน ตลอดจนการบริหารการเงินที่รอบคอบ และประสบการณ์ที่ยาวนานในตลาดบ้านจัดสรรระดับราคาปานกลางถึงต่ำของบริษัท อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากฐานรายได้ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก รวมถึงประเภทของสินค้าและระดับราคาที่มีจำกัด นอกจากนี้ ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงของประเทศและอัตราการปฏิเสธการให้สินเชื่อบ้านที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสินค้าบ้านระดับราคาปานกลางถึงต่ำจะยังคงมีผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางด้วย
บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ก่อตั้งในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2545 กลุ่มตระกูลชาครกุลและวัชรรัคคาวงศ์เป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนรวมกัน 70% ณ เดือนมีนาคม 2560 บริษัทเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ โดยราคาสินค้าของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-5 ล้านบาทต่อยูนิต บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์เป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 70%-75% ของรายได้รวมในช่วงปี 2558 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2560
ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวน 55 โครงการ โดย 70% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และที่เหลืออยู่ในต่างจังหวัด โครงการทั้งหมดของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและยังไม่ได้ก่อสร้าง) ประมาณ 20,000 ล้านบาท ประมาณ 60% ของมูลค่าเหลือขายทั้งหมดอยู่ในโครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และที่เหลืออยู่ในต่างจังหวัด ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากโครงการบ้านจัดสรรซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้ในช่วงที่เหลือของปี 2560
ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3,479 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 จาก 2,836 ล้านบาทในปี 2559 และ 2,279 ล้านบาทในปี 2558 โดย 70% ของยอดขายมาจากโครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และที่เหลือมาจากโครงการในต่างจังหวัด รายได้ของบริษัทเท่ากับ 2,000-2,400 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2556-2558 รายได้เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนเป็น 2,707 ล้านบาทในปี 2559 และ 19% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็น 1,545 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 ในสมมุติฐานขั้นพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 3,000-3,500 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยรายได้ที่เติบโตขึ้นเป็นผลมาจากแผนการเปิดโครงการใหม่มูลค่าเกือบ 5,000 ล้านบาทในแต่ละปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเพิ่มยอดขายในโครงการที่มียอดขายเติบโตช้าโดยการปรับสินค้าและราคาให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าอีกด้วย
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทอยู่ที่ 23%-25% ในช่วงปี 2555 ถึงครึ่งแรกของปี 2560 ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าอัตราส่วนดังกล่าวอาจปรับลดลงเล็กน้อยแต่คาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 20% เมื่อพิจารณาถึงการแข่งขันที่รุนแรงและค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการขยายธุรกิจ
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 39% ณ เดือนธันวาคม 2559 และเดือนมิถุนายน 2560 จาก 35% ณ เดือนธันวาคม 2558 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเท่ากับ 4-5 เท่าในช่วงปี 2557 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2560 โดยภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นตามระดับสินค้าคงเหลือ บริษัทมีการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากซึ่งมีมูลค่า 4,000-6,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2558-2560 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของรายได้ เนื่องจากบริษัทเน้นการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ดังนั้นอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจึงยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม เมื่อพิจารณาแผนการเติบโตของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าแล้ว อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทควรอยู่ที่ระดับประมาณ 40% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายควรอยู่ในระดับไม่เกิน 5 เท่า
สภาพคล่องของบริษัทยังคงมีเพียงพอ โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ระดับ 18%-19% ในช่วงปี 2558 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2560 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 12 เท่าในปี 2559 และ 8 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ภาระหนี้ที่ถึงกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 689 ล้านบาท หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันจำนวน 800 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปีจำนวน 150 ล้านบาท ในการนี้บริษัทมีวงเงินรองรับการชำระหนี้จากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วย เงินสดในมือและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดจำนวน 200 ล้านบาท รวมทั้งวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้ซึ่งสามารถเบิกใช้ได้ทันทีอีกจำนวนประมาณ 2,000 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2560 และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปีอีกด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้ได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 3,000-3,500 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้ได้อย่างน้อย 20% ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนควรอยู่ที่ประมาณ 40% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายควรอยู่ในระดับต่ำกว่า 5 เท่า
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ความสามารถในการแข่งขันที่อ่อนแอลงในอนาคตอาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตลงได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากสถานะทางการแข่งขันของบริษัทปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบันในขณะที่สถานะทางการเงินไม่อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html