ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงตราสินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทย เครือข่ายการกระจายสินค้าที่เติบโตขึ้น และหนี้สินที่อยู่ในระดับปานกลางแต่กำลังเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการที่บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่ไม่หลากหลาย และความไม่แน่นอนในความพยายามที่จะขยายธุรกิจไปในสหราชอาณาจักรซึ่งอาจเป็นการกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต
บริษัทเริ่มดำเนินกิจการโดยการผลิต ทำการตลาด และขายเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้เครื่องหมายการค้า “คาราบาวแดง” ในปี 2545 ด้วยการร่วมทุนระหว่างนายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ และนายยืนยง โอภากุล ต่อมาในปี 2556 บริษัทคาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อจัดโครงสร้างกลุ่มบริษัทโดยถือหุ้นในบริษัทย่อยซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง ธุรกิจผลิตขวดแก้วสีชา และธุรกิจจัดจำหน่ายภายในประเทศ บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2557 ปัจจุบัน ณ เดือนสิงหาคม 2560 ผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 3 รายดังกล่าวมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทรวมกันจำนวน 71% ของหุ้นทั้งหมด
ความแข็งแกร่งของตราสินค้า “คาราบาวแดง” เกิดขึ้นจากความเป็นที่นิยมของวงดนตรีคาราบาวซึ่งมีชื่อเสียงยาวนานจนกลายเป็นตำนาน ประกอบกับการทำการตลาดที่เฉียบแหลมและการสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เข้าถึงคนทั่วไปจึงทำให้คาราบาวแดงมีส่วนแบ่งทางการตลาดของเครื่องดื่มชูกำลังเป็นอันดับ 2 หรือคิดเป็น 24.6% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 นอกจากตลาดภายในประเทศแล้ว บริษัทยังส่งออกสินค้าไปยังหลายประเทศ เช่น กัมพูชา พม่า เวียดนาม อัฟกานิสถาน และจีนด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากการส่งออกที่เติบโตอย่างรวดเร็วโดยคิดเป็น 40% ของรายได้รวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2560
ความแข็งแกร่งอีกส่วนของบริษัทมาจากช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า โดยบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) คิดเป็น 78% ของรายได้รวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ส่วนที่เหลือจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าแบบสมัยใหม่ (Modern Trade) การจัดจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิมนั้นดำเนินการผ่านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายแบบหลายชั้น (Multi-Tier Agent) และเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้ตั้งศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคเพื่อที่จะให้หน่วยรถกระจายสินค้าสามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกชุมชนได้มากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าทั้งสิ้น 31 แห่งและมีหน่วยรถกระจายสินค้าทั้งสิ้น 337 คันซึ่งครอบคลุมร้านค้าปลีกกว่า 220,000 ร้านใน 73 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าหน่วยรถกระจายสินค้าจะเป็นปัจจัยหลักในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยให้แก่บริษัท
บริษัทยังจัดจำหน่ายสินค้าชนิดอื่นที่ไม่ใช่เครื่องดื่มชูกำลังภายใต้ตราสินค้าของตนเอง เช่น เครื่องดื่มเกลือแร่ภายใต้ตราสินค้า “สตาร์ทพลัส” ซึ่งเปิดตัวในปี 2557 ด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังจำหน่ายกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม รวมทั้งกาแฟผงสำเร็จรูปรวมน้ำตาลและครีม (3-in-1) และน้ำดื่ม ภายใต้ตราสินค้า “คาราบาว” และเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่มีอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ บริษัทยังรับจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการอื่น ๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ไม่ใช่เครื่องดื่มชูกำลังดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนค่อนข้างน้อยต่อรายได้รวมของบริษัท ทั้งนี้ การที่บริษัทพึ่งพาเครื่องดื่มชูกำลังเป็นหลักยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทริสเรทติ้งนำมาใช้ประกอบการพิจารณาในประเด็นความเสี่ยงของบริษัทด้วยเช่นกัน
ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยหดตัว 3.1% ในปี 2559 และลดลงอีก 2.5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ทริสเรทติ้งคาดว่าโอกาสในการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยมีจำกัดเนื่องจากตลาดค่อนข้างอิ่มตัว นอกจากนี้ ภาษีน้ำตาลซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ก็คาดว่าจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านภาษีที่เกี่ยวข้องของเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป กำไรของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบหากไม่สามารถขึ้นราคาเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ และหากผู้ประกอบการขึ้นราคาจนเพียงพอที่จะชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นจากภาษีได้แล้วก็อาจจะกระทบกับอุปสงค์ของผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาในอดีตราคาเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยไม่ได้ปรับขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว
การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของบริษัทโดยเฉพาะการขยายธุรกิจในประเทศจีนและสหราชอาณาจักรเนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่มีขนาดใหญ่ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้จำนวนมากในทั้ง 2 ประเทศข้างต้น เมื่อช่วงปลายปี 2559 บริษัทได้ซื้อหุ้น 51% ใน Intercarabao Ltd. (ICUK) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในสหราชอาณาจักรที่ประกอบธุรกิจการทำการตลาด ขาย และจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังของบริษัทในสหราชอาณาจักร บริษัทมีค่าใช้จ่ายการตลาดในการทำสัญญาเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลเชลซี (Chelsea FC) ในระหว่างปี 2559-2564 และทำสัญญาเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล English Football League Cup (EFL Cup) ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น “คาราบาวคัพ” (Carabao Cup) ในปี 2560-2563 ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนฟุตบอลทั้ง 2 รายการข้างต้นรวมเป็นเงินประมาณ 50 ล้านปอนด์ซึ่งบริษัทได้ทยอยจ่ายในระหว่างช่วงที่ให้การสนับสนุน สำหรับในประเทศจีนนั้นบริษัทมีความเสี่ยงน้อยในการขยายตลาดเนื่องจากบริษัทไม่มีแผนในการลงทุนจำนวนมากสำหรับการตลาดและการจัดจำหน่ายในประเทศจีนด้วยตนเอง แต่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนแทนโดยจะซื้อสินค้าจากบริษัทไปจัดจำหน่ายในประเทศจีน ในขณะที่บริษัทจะได้รับสิทธิในการซื้อกิจการดังกล่าวในประเทศจีนเป็นรายแรกเมื่อธุรกิจเริ่มมีกำไรแล้ว บริษัทจึงมีความเสี่ยงในการขยายตลาดในประเทศจีนค่อนข้างต่ำในช่วงเริ่มต้น
บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดแต่คาดว่าจะอ่อนตัวลงในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้า ทั้งนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลและการแข่งขันฟุตบอลในสหราชอาณาจักรที่แม้จะช่วยส่งเสริมการขยายตลาดในประเทศดังกล่าวและทั่วโลกก็ตาม แต่ก็จะสร้างแรงกดดันต่ออัตรากำไรของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจนกว่าผลจากการทำการตลาดดังกล่าวจะให้ผลประโยชน์อย่างเต็มที่แก่บริษัทเมื่อตราสินค้าเป็นที่รู้จักในระดับโลกแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตโดยใช้เงินจำนวนค่อนข้างมากถึงประมาณ 6,800 ล้านบาทในช่วงปี 2559-2561 อีกด้วย โดยการลงทุนดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในการบรรจุขวด บรรจุกระป๋อง ผลิตขวดแก้วสีชา รวมถึงการสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อผลิตกระป๋องอลูมิเนียมซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกับกลุ่มโชวะ เดนโกะ (Showa Denko Group) จากประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีประสบการณ์ในด้านผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม
รายได้ของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่อัตราเฉลี่ย 18% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโดยมาอยู่ที่ 9,965 ล้านบาทในปี 2559 การเติบโตมีปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ เครือข่ายการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ตราสินค้าที่แข็งแกร่ง และความสำเร็จในการขยายตลาดในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 9,724 ล้านบาทซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศ ฐานะการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งโดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 36% ณ เดือนกันยายน 2560 ในขณะที่ระดับหนี้สินเริ่มเพิ่มขึ้น
ภายใต้ประมาณการพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทในช่วง 4 ปีข้างหน้าจะเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปีจากการขยายตลาดในประเทศจีนและสหราชอาณาจักร อัตราส่วนกำไรของบริษัทจะลดลงจาก 19% ในปี 2559 เป็น 11%-14% ในระหว่างปี 2560-2563 จากค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนสโมสรฟุตบอลเชลซีและคาราบาวคัพที่ค่อนข้างสูง ในขณะที่ระดับหนี้สินจะเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนตามแผนงานและค่าใช้จ่ายในการเป็นผู้สนับสนุน อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ในระดับสูงสุดไม่เกิน 45% ในปี 2561 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 38% ในปี 2563 บริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอโดยมีเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาด รวมถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และวงเงินกู้ที่มีกับสถาบันการเงินที่เพียงพอรองรับการลงทุนตามแผนและภาระหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระ ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ในระดับยอมรับได้ที่มากกว่า 25% และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ในช่วง 10-17 เท่าในระหว่างปี 2560-2563
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดภายในประเทศและประสบความสำเร็จในการขยายตลาดในสหราชอาณาจักรตามที่บริษัทได้วางแผนไว้ ผลการดำเนินงานน่าจะปรับตัวดีขึ้นและระดับหนี้สินน่าจะปรับตัวลดลงในปี 2562 หลังจากที่ผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มว่าจะอ่อนตัวลงและระดับหนี้สินจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปี 2560-2561
อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทด้อยลงกว่าที่คาดการณ์เป็นระยะเวลานาน หรือหากบริษัทดำเนินนโยบายทางการเงินที่เสี่ยงยิ่งขึ้น ในขณะที่มีโอกาสน้อยที่อันดับเครดิตจะถูกปรับขึ้นในระยะสั้นเนื่องจากการลงทุนจำนวนมากและความพยายามในการขยายตลาดในประเทศอังกฤษของบริษัท
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html