ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดนี้จะนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของบริษัท ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจอ้อยและน้ำตาลทราย ตลอดจนการขยายกิจการไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำตาล ทว่าความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากวัฏจักรราคาน้ำตาล และความผันผวนของปริมาณผลผลิตอ้อย รวมถึงความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจอ้อยและน้ำตาลในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) และกัมพูชา ตลอดจนภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง
บริษัทน้ำตาลขอนแก่นก่อตั้งในปี 2488 โดยครอบครัวตระกูลชินธรรมมิตร์และกลุ่มพันธมิตร ณ เดือนเมษายน 2560 ตระกูลชินธรรมมิตร์ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วนรวม 68% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 5 แห่งในประเทศไทย โดยมีกำลังการหีบอ้อยรวม ณ เดือนพฤษภาคม 2560 เท่ากับ 110,000 ตันอ้อยต่อวัน
บริษัทน้ำตาลขอนแก่นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ในประเทศไทย กลุ่มน้ำตาลขอนแก่นหีบอ้อยได้ 6.8 ล้านตันอ้อยในปีการผลิต 2559/2560 และผลิตน้ำตาลได้ 724,549 ตัน ส่งผลให้บริษัทเป็นกลุ่มผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 7.2% โดยเป็นรองกลุ่มมิตรผลซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาด 19.7% กลุ่มไทยรุ่งเรือง 14.1% และกลุ่มไทยเอกลักษณ์ 9.4%
ตั้งแต่ปีการเงิน 2549 บริษัทได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อย ได้แก่ ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและเอทานอล ทั้งนี้ ในช่วงปีการเงิน 2559 รายได้จากธุรกิจพลังงาน (ไฟฟ้าและเอทานอล) คิดเป็นสัดส่วน 17% ของรายได้รวมของบริษัท
ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2560 บริษัทมีรายได้ลดลงเป็น 11,724 ล้านบาท หรือลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 18.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2560 จาก 16.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2559 เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของน้ำตาลเพิ่มขึ้น บริษัทและผู้ผลิตน้ำตาลส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีการทำสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าในช่วงปลายปี 2559 จนถึงช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำตาลอยู่ในระดับสูง การปรับตัวที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจน้ำตาลช่วยชดเชยความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มธุรกิจพลังงานของบริษัทที่ยังอ่อนตัวลง นอกจากนี้ ราคาน้ำตาลที่สูงขึ้นยังส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจใน สปป. ลาว และกัมพูชาปรับตัวดีขึ้น ธุรกิจน้ำตาลในประเทศ สปป.ลาว และกัมพูชามีกำไรเล็กน้อยในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2560 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวมของบริษัทจึงเพิ่มขึ้น 23% เป็น 2,867 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2560 จาก 2,323 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีการเงิน 2559
บริษัทมีการก่อหนี้ค่อนข้างสูง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ระดับ 58.6% ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2560 เนื่องจากมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนตามฤดูกาลและการขยายกำลังการหีบอ้อย ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทปรับตัวขึ้นลงตามวัฏจักรราคาน้ำตาล อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทเท่ากับ 5.7 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2560 เพิ่มขึ้นจาก 3.9 เท่าในปีการเงิน 2559 และ 3.6 เท่าในปีการเงิน 2558 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทเท่ากับ 8.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีการเงิน 2560 เมื่อเทียบกับระดับ 7.3% ในปีการเงิน 2559 และ 9.1% ในปีการเงิน 2558
คาดการณ์ว่าผลประกอบการทางการเงินของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2560 จะอ่อนแอ เนื่องจากบริษัทจะมีการส่งมอบน้ำตาลที่มีการทำสัญญาขายน้ำตาลล่วงหน้าในช่วงที่ราคาอยู่ระดับต่ำ ดังนั้น เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท ในปีงบการเงิน 2560 ใกล้เคียงกับระดับที่บริษัททำได้ในปี 2559 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของปริมาณอ้อยเข้าหีบที่เพิ่มขึ้นและผลผลิตน้ำตาลที่มากขึ้น ปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยและการขยายกำลังการหีบอ้อยของบริษัทในจังหวัดเลยจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตาลและลดต้นทุนของบริษัท นอกจากนี้ ราคาน้ำตาลยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับปานกลางที่ 15-16 เซนต์ต่อปอนด์ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ระดับการก่อหนี้ของบริษัทมีแนวโน้มที่จะค่อย ๆ ปรับตัวลดลงตามค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนของบริษัทที่น้อยลง ส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นการลงทุนซึ่งใช้สำหรับการขยายกำลังการหีบอ้อยในจังหวัดเลยและอำเภอน้ำพอง จะแล้วเสร็จภายในปีการเงิน 2560 เงินลงทุนของบริษัทจะลดลงจาก 3,000 ล้านบาทในปีการเงิน 2560 เหลือเพียง 500 ล้านบาทต่อปีในระยะต่อไป เมื่อพิจารณาจากสมมติฐานการฟื้นตัวของกำไรและงบลงทุนที่ลดลงดังกล่าวแล้ว ความสามารถในการชำระหนี้ซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทก็คาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นโดยอยู่ในช่วง 10%-15% ในปีการเงิน 2561-2562 สภาพคล่องของบริษัทถือว่าอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ แม้ว่าบริษัทจะมีหนี้สินระยะยาวและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระจำนวน 3,400-4,600 ล้านบาทต่อปี ในช่วงปีการเงิน 2560-2563 และตั๋วแลกเงินคงค้างอีกจำนวน 500 ล้านบาท บริษัทก็ยังมีช่องทางระดมทุนในตลาดตราสารหนี้และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากธนาคารต่าง ๆ มากกว่า 9,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการบริหารจัดการการชำระหนี้ที่ครบกำหนดดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยเอาไว้ได้แม้ภายหลังการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมน้ำตาล นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทได้รับผลตอบแทนจากการขยายกำลังการผลิตน้ำตาลตามแผนและจะสามารถจัดการภาระหนี้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังมีจำกัดในระยะสั้นจากสถานะทางการเงินในปัจจุบันและภายใต้การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมน้ำตาลที่ยังคงดำเนินอยู่ ขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงและกำไรอ่อนแอมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ การลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมากและเงินสดส่วนเกินที่รองรับการชำระหนี้ที่อ่อนแออย่างต่อเนื่องก็เป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html