ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นอายุ 5 ปี (หุ้นกู้มีประกัน) ของ บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (7) จำกัด (ผู้ออกตราสาร หรือเอสพีวี) ที่ระดับ “AA-(sf)” ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารทางการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตชุดที่ 3 ซึ่งริเริ่มโดยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท. หรือ ผู้ค้ำประกัน) หุ้นกู้มีประกันดังกล่าวได้รับการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้โดย บตท. ซึ่ง บตท. ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากการมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ถือโดย บตท. รวมทั้งจากการที่ บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีเพื่อเสริมสภาพคล่อง และหน้าที่ของ บตท. ในการซื้อกองสินทรัพย์คงเหลือคืนจากเอสพีวี ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ด้วย นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันจะได้รับชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบถ้วนตามกำหนดเวลาอีกด้วยเช่นกัน
บตท. หรือผู้ค้ำประกัน ได้รับการก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,230 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยใช้วิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในการระดมทุน ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุนของ บตท. ณ เดือนมิถุนายน 2560 บตท. มีเงินกองทุนอยู่ที่ 844 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงสามารถค้ำประกันหนี้ของ บตท. ได้ถึง 3,376 ล้านบาท โดย บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้และเป็นผู้ให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องของโครงการด้วย
เอสพีวี หรือผู้ออกตราสาร เป็นบริษัทจำกัดที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและได้รับอนุญาตให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจตาม พ.ร.ก. นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ถือหุ้นของเอสพีวีประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 48% บริษัท บริการดี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 48.99% และบุคคลทั่วไปซึ่งถือหุ้น 3.01%
ในระยะเริ่มต้นโครงการ เอสพีวีได้นำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้มีประกันในวงเงิน 3,200 ล้านบาทแก่นักลงทุนและเงินจากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิมูลค่า 881.65 ล้านบาทแก่ผู้เสนอโครงการไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดตามสัญญากู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัยจากผู้เสนอโครงการ (กองสินทรัพย์) โดยมูลค่าของหุ้นกู้ด้อยสิทธิคิดเป็นประมาณ 21.6% ของมูลค่ารวมของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ทั้งนี้ หุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะด้อยกว่าหุ้นกู้มีประกันและเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีประกันนี้
กองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่ง บตท. ซื้อมาจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK หรือผู้ขาย) นั้นประกอบด้วยสัญญาเงินกู้จำนวน 4,113 สัญญาซึ่งมีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจำนวน 4,005.73 ล้านบาทและมีมูลค่าทางบัญชีของกองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 4,081.65 ล้านบาท โดยสิทธิในหลักประกัน สัญญาจำนอง และกรมธรรม์ที่มาพร้อมกับสินเชื่อนั้นได้มีการโอนให้แก่เอสพีวีในช่วงระยะเริ่มต้นโครงการแล้ว อีกทั้งหุ้นกู้มีประกันยังได้รับการสนับสนุนจากการที่ บตท. ตกลงที่จะให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่เอสพีวีและจะรับซื้อคืนกองสินทรัพย์ที่ยังคงเหลืออยู่จากเอสพีวี ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ด้วย
ณ เดือนกันยายน 2560 มูลค่าคงเหลือของหุ้นกู้มีการค้ำประกันอยู่ที่ 2,653.57 ล้านบาท ในขณะที่กองสินเชื่อมีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจำนวน 2,721.27 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนกันยายน 2557 ถึงเดือนกันยายน 2560 เอสพีวีได้รับเงินค่าผ่อนชำระรายเดือนจากลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,778.76 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเงินต้นที่ได้รับชำระคืนตามกำหนดเวลาจำนวน 688.79 ล้านบาท ดอกเบี้ยจำนวน 471.08 ล้านบาท และเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดจำนวน 618.89 ล้านบาท ทั้งนี้ จำนวนเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดนั้นคิดเป็นประมาณ 15.45% ของเงินต้นรวมในระยะเริ่มต้นโครงการ ในขณะที่หนี้ที่มีการผิดนัดชำระสุทธิอยู่ที่ 358.94 ล้านบาท หรือประมาณ 8.96% ของมูลค่าเงินต้นเริ่มแรกของกองสินทรัพย์ ณ เดือนกันยายน 2560 มูลค่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิคงเหลืออยู่ที่ 292.43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.93% ของมูลค่าหุ้นกู้รวมคงค้างทั้งหมด ซึ่งลดลงจาก 21.6% ของมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมดในช่วงเริ่มต้นโครงการ
บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้ของโครงการนี้โดยเงินค่างวดที่ได้รับในแต่ละเดือนจะนำเข้าบัญชีของ บตท. ก่อนและจะโอนเข้าบัญชีของเอสพีวีทุกเดือน นอกจากนี้ บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีตลอดอายุของหุ้นกู้ในกรณีที่เอสพีวีไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะชำระหนี้ในแต่ละงวดด้วย และภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องนั้น บตท. ตกลงจะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวในราคาที่เท่ากับมูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ รวมทั้งภาระผูกพันต่าง ๆ ณ วันสิ้นงวดของเดือนก่อนหน้าวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ หรือราคาอื่นใดแล้วแต่บริษัทและ บตท. จะตกลงกัน โดยเอสพีวีจะนำเงินที่ได้จากการขายคืนสิทธิเรียกร้องไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิต
หุ้นกู้มีประกันภายใต้โครงการนี้จะมีการทยอยชำระคืนเงินต้นตลอดอายุหุ้นกู้ประมาณ 30% ดังนั้น การชำระคืนเงินต้นทั้งหมดในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ค้ำประกันคือ บตท. ในการที่จะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไป นอกจากนี้ บตท. ยังตกลงที่จะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีตลอดอายุของหุ้นกู้มีประกันในกรณีที่เอสพีวีขาดสภาพคล่องอีกด้วย ดังนั้น อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันจึงจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกัน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html