ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันบางส่วนชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นอายุ 5 ปี (หุ้นกู้มีประกัน) ของ บริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (9) จำกัด (ผู้ออกตราสาร หรือเอสพีวี) ที่ระดับ “AA-(sf)” ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารทางการเงินที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยหนุนหลังที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตชุดที่ 5 ซึ่งริเริ่มโดยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท. หรือ ผู้ค้ำประกัน) โดยตราสารดังกล่าวได้รับการค้ำประกันบางส่วนโดย บตท. อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันดังกล่าวสะท้อนความน่าเชื่อถือของ บตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันและผู้ให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง โดย บตท. จะให้การค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน 90% ของยอดค้างชำระเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้มีประกันของเอสพีวี นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากการมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่เอสพีวีออกให้แก่ บตท. รวมถึงการที่ บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีเพื่อเสริมสภาพคล่อง และ บตท. มีภาระที่จะต้องซื้อกองสินทรัพย์คงเหลือคืนจากเอสพีวีอีกด้วย โดยเอสพีวีจะนำเงินที่ได้รับจากการขายคืนสินทรัพย์ให้แก่ บตท. ไปใช้ชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้มีประกัน ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกันภายในวงเงินไม่เกิน 90% ของยอดคงค้างของเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ ซึ่งอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่ผู้ถือหุ้นกู้มีประกันจะได้รับชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ครบถ้วนตามกำหนดเวลาด้วยเช่นกัน
บตท. หรือผู้ค้ำประกัน ได้รับการก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,230 ล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยใช้วิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในการระดมทุน ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุนของ บตท. ณ เดือนมิถุนายน 2560 บตท. มีเงินกองทุนอยู่ที่ 844 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงสามารถค้ำประกันหนี้ของ บตท. ได้ถึง 3,376 ล้านบาท โดย บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้และผู้ให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องของโครงการด้วย
เอสพีวี หรือผู้ออกตราสาร เป็นบริษัทจำกัดที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและได้รับอนุญาตให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจตาม พ.ร.ก. นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ถือหุ้นของเอสพีวีประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 49% บริษัท บริการดี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 48% และบุคคลทั่วไปซึ่งถือหุ้น 3%
ในระยะเริ่มต้นโครงการ ผู้ออกตราสารได้ออกตราสารหนี้มูลค่ารวม 8,218.35 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนชนิดทยอยชำระคืนเงินต้น 6,000 ล้านบาทและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 2,218.35 ล้านบาท โดยมีการเสนอขายหุ้นกู้มีการค้ำประกันให้แก่นักลงทุน ในขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธินั้นถือโดย บตท. หุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะด้อยกว่าหุ้นกู้ที่ไดัรับการจัดอันดับเครดิตและเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกัน เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดของกองลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (สินทรัพย์) ที่ บตท. ซื้อมาจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือที่เรียกว่าผู้ขาย โดยมูลค่าเงินต้นของกองสินทรัพย์ดังกล่าวอยู่ที่ 8,021.05 ล้านบาท
ณ เดือนกันยายน 2560 มูลค่าคงเหลือของหุ้นกู้มีการค้ำประกันอยู่ที่ 5,769.1 ล้านบาท ในขณะที่กองสินเชื่อมีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจำนวน 7,296.03 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2559 ถึงเดือนกันยายน 2560 เอสพีวีได้รับเงินค่าผ่อนชำระรายเดือนจากลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,025.1 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินต้นที่ได้รับชำระคืนตามกำหนดเวลาจำนวน 382.5 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจำนวน 300.08 ล้านบาท และเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดจำนวน 342.52 ล้านบาท โดยจำนวนเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดคิดเป็นประมาณ 4.27% ของเงินต้นในช่วงเริ่มต้นทั้งหมดจำนวน 8,021.05 ล้านบาท ในขณะที่หนี้ที่มีการผิดนัดชำระสุทธิ (หลังหักหนี้ผิดนัดชำระที่ได้รับคืน) อยู่ที่ 203.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 2.53% ของมูลค่าเงินต้นเริ่มแรกของกองสินทรัพย์
เงินค่าผ่อนชำระที่ได้รับในแต่ละเดือนจะฝากเข้าบัญชีของ บตท. ก่อน หลังจากนั้นจะโอนเข้าบัญชีของผู้ออกตราสารทุกเดือน ส่วนเงินค่าผ่อนชำระที่เป็นส่วนของเงินต้นจะนำไปใช้ชำระคืนเงินต้นของหุ้นกู้มีการค้ำประกัน รวมทั้งใช้ชำระคืนเงินต้นของเงินที่กู้ยืมจาก บตท. เพื่อจะนำมาใช้ชำระคืนหนี้เงินต้นของหุ้นกู้มีการค้ำประกันที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต ส่วนรายรับส่วนที่เหลือจะนำไปเก็บไว้ในบัญชีสำรองประมาณ 10% ของเงินต้นที่ได้รับ หากรายรับส่วนที่เหลือมีไม่ถึง 10% ก็ให้นำเงินเข้าบัญชีสำรองเท่ากับจำนวนเงินที่คงเหลืออยู่แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า หลังจากนั้นจึงจะนำกระแสเงินสดที่เหลือไปชำระคืนเงินต้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ส่วนเงินค่างวดที่เป็นดอกเบี้ยนั้นจะนำไปใช้ชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้มีการค้ำประกันรวมถึงค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นหลัก ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2560 มูลค่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิคงเหลืออยู่ที่ 1,843.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.2% ของมูลค่าหุ้นกู้รวมคงค้างทั้งหมด ซึ่งลดลงจาก 27% ของมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมดในช่วงเริ่มต้นโครงการ
อย่างไรก็ดี ภายใต้สัญญาให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่าง บตท. และเอสพีวีนั้น บตท. ตกลงจะให้เงินกู้ยืมแก่เอสพีวีในกรณีที่เอสพีวีไม่มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะใช้ชำระหนี้ในแต่ละงวดตลอดอายุของหุ้นกู้ได้ นอกจากนี้ ภายใต้สัญญาโอนสิทธิเรียกร้องนั้น บตท. ตกลงจะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวโดยราคาซื้อคืนสิทธิเรียกร้องจะเป็นราคาระหว่าง 1) มูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์รวมดอกเบี้ยค้างชำระ หรือ 2) มูลค่าเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระของหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิซึ่งรวมภาระผูกพันต่าง ๆ ของเอสพีวีหลังจากหักด้วยเงินสดคงเหลือในบัญชีสำรองของเอสพีวีแล้วซึ่งแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า เอสพีวีจะนำเงินที่ได้จากการขายคืนสิทธิเรียกร้องไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งหากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน โดยวงเงินค้ำประกันจะอยู่ที่ไม่เกิน 90% ของยอดคงค้างของเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันสิ้นงวด โดยเงินที่ได้รับจากการขายคืนสินทรัพย์ให้แก่ บตท. ประกอบกับเงินค้ำประกันน่าจะเพียงพอที่จะใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้มีประกันได้ครบถ้วน
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิต
นกู้มีประกันภายใต้โครงการนี้จะมีการทยอยชำระคืนเงินต้นตลอดอายุหุ้นกู้ประมาณ 25% ดังนั้น การชำระคืนเงินต้นทั้งหมดในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของ บตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันในการที่จะซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไป นอกจากนี้ หากยังมีส่วนที่ขาดอยู่ บตท. ก็จะรับชำระให้ตามสัญญาค้ำประกัน โดยวงเงินค้ำประกันทั้งสิ้นจะไม่เกิน 90% ของยอดคงค้างของเงินต้นและดอกเบี้ย ณ วันสิ้นงวด ทั้งนี้ เนื่องจาก บตท. มีบทบาทที่สำคัญหลายด้านในโครงการนี้ ดังนั้น อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันจึงขึ้นอยู่กับอันดับเครดิตของ บตท. กล่าวคือ อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีประกันจะเปลี่ยนแปลงไปตามอันดับเครดิตองค์กรของ บตท.
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html