ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ได้รับการยอมรับของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และการจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากราคาที่ไม่แน่นอนของผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนราคาวัตถุดิบหลักคือธัญพืชที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ซึ่งมีความผันผวน ความเสี่ยงจากโรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีนำเข้าของประเทศผู้นำเข้าสินค้า
บริษัทเบทาโกรก่อตั้งในปี 2510 โดยกลุ่มตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ ปัจจุบันบริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำในกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย ณ เดือนพฤศจิกายน 2560 ตระกูลแต้ไพสิฐพงษ์ถือหุ้นในบริษัททั้งโดยทางตรงในสัดส่วน 15.33% ของหุ้นทั้งหมดและโดยทางอ้อมผ่านบริษัทแม่คือ บริษัท เบทาโกร โฮลดิ้ง จำกัดในสัดส่วน 69.45% ธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย ธุรกิจอาหารสัตว์ ยาสัตว์ อาหารสัตว์เลี้ยง สุกร ไก่ ไข่ ตลอดจนเนื้อไก่และเนื้อสุกรแปรรูป ในปี 2559 รายได้จากธุรกิจไก่มีสัดส่วนคิดเป็น 36% ของรายได้รวมของบริษัท รองลงมาคือธุรกิจอาหารสัตว์ (35%) และธุรกิจสุกร (19%) ทั้งนี้ รายได้จากการขายภายในประเทศคิดเป็น 89% ของรายได้รวมของบริษัทในปี 2559 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกมีสัดส่วน 11%
บริษัทเป็นผู้นำในการผลิตเนื้อสุกรคุณภาพสูงในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจไก่และสุกรแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ไปจนถึงการแปรรูปเนื้อไก่และเนื้อสุกรเป็นอาหารสำเร็จรูป การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทได้มาตรฐานสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับซึ่งสามารถส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญซึ่งได้แก่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป เอเชีย และประเทศอื่นๆ ตลาดส่งออกหลักของบริษัทคือประเทศญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป
เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์พื้นฐานของบริษัทซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์ บริษัทจึงให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และสร้างตราสินค้าของตนเอง บริษัทได้ตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหารขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาโดยมีแผนในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ๆ ให้มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าของตนเองผ่าน “ร้านเบทาโกร” เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและร้านอาหารด้วย โดย ณ เดือนมิถุนายน 2560 บริษัทมีร้านเบทาโกรจำนวน 171 สาขาในประเทศไทยและ 4 สาขาในต่างประเทศ
ผลประกอบการที่ผ่านมาของบริษัทมีความผันผวนไปตามวงจรราคาของธุรกิจสัตว์บก ทั้งนี้ ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทอ่อนตัวลงอย่างมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 โดยลดลงจากระดับปกติในปี 2559 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 83,732 ล้านบาทในปี 2559 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 83,450 ล้านบาทในปี 2558 แต่ได้ปรับตัวลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมาอยู่ที่ระดับ 39,339 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ความผันผวนของราคาสุกรส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 4.1% ในปี 2558 มาอยู่ที่ 5.1% ในปี 2559 และลดลงมาจนมีผลขาดทุน 0.1% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้น 11.2% จากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 4,396 ล้านบาทในปี 2559 แต่กลับลดลง 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าโดยมาอยู่ที่ 371 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2560
เพื่อให้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์การเติบโต บริษัทได้ลงทุนเพิ่มเป็นประมาณ 2,500 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 โดยเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากระดับประมาณ 1,000 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กอปรกับการลดลงของระดับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย จึงส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ณ เดือนมิถุนายน 2560 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 48.6% จาก 42.8% ณ สิ้นปี 2559 กระแสเงินสดส่วนเกินเพื่อรองรับการชำระหนี้ก็ลดลงแต่ยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงวงจรราคาสัตว์บกที่ตกต่ำ ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงจาก 30.7% ในปี 2559 เป็น 12.0% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 2.0 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 เทียบกับระดับ 12.5 เท่าในปี 2559
การลดลงของราคาสุกรจะยังคงส่งผลลบต่อระดับกำไรของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของราคาสัตว์บกตามวงจรธุรกิจขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตจาก 83,732 ล้านบาทในปี 2559 เป็นระดับประมาณ 100,000 ล้านบาทในปี 2563 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายน่าจะเพิ่มจาก 4,396 ล้านบาทในปี 2559 เป็นระดับประมาณ 7,000 ล้านบาทในปี 2563 ทั้งนี้ บริษัทยังคงแผนการลงทุนจำนวนมากเป็นประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาทต่อปีในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจากเดิมที่ระดับประมาณ 2,500-3,500 ล้านบาทต่อปี แผนลงทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจฟาร์ม ตลอดจนขยายโรงงานผลิตอาหารสัตว์และโรงงานแปรรูปเพื่อผลิตอาหารสำเร็จรูป ด้วยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมถึงเงินลงทุนในระดับดังกล่าวคาดว่าบริษัทจะยังคงบริหารจัดการอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทให้อยู่ในระดับปานกลางในช่วงปี 2561-2563 โดยอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 7-8 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ในระดับประมาณ 18%-21% ในช่วงเวลาเดียวกัน
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทเบทาโกรจะยังคงสามารถดำรงสถานะผู้ผลิตรายใหญ่ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยต่อไป โดยบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ระดับประมาณ 50% ในขณะที่มีการขยายงาน
ทั้งนี้ โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทมีค่อนข้างจำกัดในระยะสั้นจากแผนการลงทุนจำนวนมากของบริษัทและช่วงวงจรขาลงของธุรกิจสัตว์บก ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากการแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจนส่งผลทำให้ความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดเพื่อรองรับการชำระหนี้ของบริษัทลดลงเป็นระยะเวลานาน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html