ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ของบริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดีในตลาดคอนโดมิเนียมราคาสูง การกระจุกตัวของรายได้จากโครงการเพียงไม่กี่แห่ง และการขยายธุรกิจเชิงรุกทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและเพื่อให้เช่าซึ่งอาจทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3 ปีข้างหน้าได้ นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของจำนวนยูนิตที่อยู่อาศัยในตลาดราคาแพงส่งผลให้การแข่งขันในตลาดนี้ทวีความรุนแรงขึ้นในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย
บริษัทไรมอน แลนด์ ก่อตั้งในปี 2530 โดยนางจุไรรัตน์ อี. โบนิเธิร์น (Mrs. Jurairat E. Bonithern) และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2537 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่หลายครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 JS Asset Management Pte. Ltd. (JS) ได้เข้ามาซื้อหุ้น 24.98% ของบริษัทและกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดย JS เป็นบริษัทโฮลดิ้งเพื่อการลงทุนสัญชาติสิงคโปร์ซึ่งมี Mr. Lee Chye Tek Lionel เป็นเจ้าของ Mr. Lee ยังเป็นเจ้าของกิจการและกรรมการของกลุ่มธุรกิจ Jit Sun Investments (Jit Sun) ซึ่งประกอบธุรกิจที่หลากหลายอื่น ๆ ด้วย อาทิ ให้บริการก๊าซธรรมชาติและน้ำมันนอกชายฝั่ง ก่อสร้างเรือและให้บริการงานวิศวกรรมสำหรับอุตสาหกรรมเดินเรือและอุตสาหกรรมนอกชายฝั่ง โรงแรมบูทีค รวมไปถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
บริษัทเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมราคาสูงซึ่งมีราคาขายตั้งแต่ 100,000 บาทจนถึง 350,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) (ไม่รวมโครงการ Unixx South Pattaya) ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 8 โครงการและโครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 1 โครงการ ซึ่งมีมูลค่ารวม 45,000 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทที่มียอดคงค้างเหลือขาย (ที่ก่อสร้างแล้วและที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง) เท่ากับ 7,000 ล้านบาท ประมาณครึ่งหนึ่งของยูนิตคงค้างเป็นยูนิตที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร
ยอดขายของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2556-2559 เนื่องจากบริษัทเน้นก่อสร้างให้แล้วเสร็จและโอนยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ (Backlog) โดยบริษัทเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพียง 2 โครงการและบ้านจัดสรรเพียง 1 โครงการในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ยอดขายในปี 2559 เท่ากับ 1,939 ล้านบาท ลดลง 15% จากปีก่อน ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ดีขึ้นเป็น 2,466 ล้านบาทซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายของโครงการ The Lofts Silom และ The Lofts Asoke ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้เพียง 3,600 ล้านบาท ยอดขายรอการรับรู้รายได้ที่ต่ำลงจากในอดีตนั้นทำให้คาดว่ารายได้ของบริษัทสำหรับปี 2560 และปี 2562-2563 จะลดลงเป็นประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี จาก 5,000-6,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2555-2559 รายได้สำหรับปี 2561 จะค่อนข้างน้อยเนื่องจากจำนวนยูนิตที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าในปีดังกล่าวมีไม่มากนัก
รายได้ที่คาดว่าจะลดลงและอัตรากำไรที่ต่ำลงของโครงการ The Lofts และโครงการบ้านจัดสรรทำให้คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะลดลงเหลือประมาณ 12%-15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจาก 23%-27% ในช่วงปี 2557-2559
ในระยะเวลาอันใกล้นี้บริษัทมีแผนลงทุนไม่เฉพาะแค่โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัย 3 แห่งซึ่งมีมูลค่ารวม 10,000 ล้านบาทในปี 2561 และบริษัทยังพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสานบนถนนเพลินจิตอีกด้วย เงินลงทุนสำหรับโครงการดังกล่าวประกอบด้วย เงินจ่ายล่วงหน้าค่าเช่าที่ดินจำนวน 1,518 ล้านบาทซึ่งทยอยจ่ายในช่วงปี 2559-2561 และค่าพัฒนาโครงการจำนวนประมาณ 5,000 ล้านบาทซึ่งทยอยจ่ายในช่วงปี 2560-2564 โดยอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกในโครงการเพลินจิตจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนในธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าอีกด้วย จากแผนขยายธุรกิจเชิงรุกดังกล่าวทำให้คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมแผนสำหรับการเพิ่มทุนหรือหาพันธมิตรทางธุรกิจในบางโครงการเอาไว้เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของบริษัท ทั้งนี้ ในสมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนเอาไว้ที่ประมาณ 1.5 เท่าหรืออัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเอาไว้ที่ประมาณ 60% เพื่อคงอันดับเครดิตไว้ที่อันดับปัจจุบัน
รายได้ที่ลดลงและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นทำให้กระแสเงินสดของบริษัทอ่อนตัวลงจากในอดีต โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเหลือ 8% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 จาก 23% ในปี 2559 และ 36% ในปี 2558 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายเท่ากับ 5 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ลดลงจาก 9-12 เท่าในช่วงปี 2557-2559 ทั้งนี้ สภาพคล่องของบริษัทยังเพียงพอ โดย ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทมีเงินสดในมือ 1,034 ล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อโครงการที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ จากยอดขายที่รอการส่งมอบในปัจจุบันทำให้คาดว่าบริษัทจะได้รับเงินดาวน์และเงินจากการโอนประมาณ 1,000-1,300 ล้านบาทต่อปีอีกด้วย ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 1,799 ล้านบาทซึ่งประกอบด้วย เงินกู้ยืมระยะสั้น 1,000 ล้านบาท หุ้นกู้ 499 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาว 300 ล้านบาท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ บริษัทจะต้องดำรงอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเอาไว้ที่ประมาณ 60% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนเอาไว้ที่ประมาณ 1.5 เท่า นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มทุนและ/หรือหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้และดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนไว้ได้ตามแผนอีกด้วย อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงได้หากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงเกินกว่า 65% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสูงเกินกว่า 2 เท่าในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้นี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตแต่อย่างใด
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html