บริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2 ก่อตั้งในปี 2554 เพื่อเป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยโรงไฟฟ้ามีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 124.4 เมกะวัตต์ และสามารถผลิตไอน้ำเพื่อจำหน่ายที่ขนาด 30 ตันต่อชั่วโมง บริษัทมีสัญญาขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. จำนวน 90 เมกะวัตต์เป็นระยะเวลา 25 ปีและจำหน่ายไฟฟ้าส่วนที่เหลือให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ โรงไฟฟ้าของบริษัทเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2556 ปัจจุบันผู้ถือหุ้นของบริษัทประกอบด้วย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BGRIM -- 61.7%) บริษัท ซัมมิท ซันไรซ์ เอนเนอจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือซูมิโตโม (SSEC -- 18.6%) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AMATA -- 16.6%) และ บริษัท บี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (BGJV -- 3%)
บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 90 เมกะวัตต์กับ กฟผ. เป็นระยะเวลา 25 ปี นอกจากนี้ยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมอีกจำนวน 24 เมกะวัตต์และสัญญาขายไอน้ำอีกจำนวน 14 ตันต่อชั่วโมงด้วย สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะตลาด เนื่องจาก กฟผ. ตกลงรับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำจำนวน 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาซึ่งคำนวณจากจำนวนชั่วโมงที่สามารถดำเนินงานได้ นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้ายังมีกลไกในการส่งผ่านค่าก๊าซอีกด้วย สำหรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าอุตสาหกรรมนั้นได้ระบุปริมาณการรับซื้อขั้นต่ำ โดยที่อัตราค่าไฟฟ้าสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรมจะอ้างอิงอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่เก็บจากกิจการขนาดใหญ่ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการปรับราคาเพื่อสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงผ่านค่า Ft บริษัทยังมีสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ระยะเวลา 25 ปีซึ่งเท่ากับอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ด้วย
โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) ของบริษัทใช้เทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้ว ทั้งนี้ กังหันก๊าซ Siemens SGT 800 มีผลงานที่ได้รับการยอมรับด้วยยอดจำหน่ายประมาณ 100 ชุดตั้งแต่ปี 2540 โรงไฟฟ้าของบริษัทประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซพร้อมทางปล่อยระบาย (Bypass Stack) จำนวน 2 ชุด ชุดกำเนิดไอน้ำ (Heat Recovery Steam Generator) จำนวน 2 ชุด และหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำจำนวน 1 ชุด อุปกรณ์ทั้งหมดดังกล่าวผลิตโดย Siemens การใช้กังหันก๊าซซึ่งมีทางปล่อยระบายทำให้โรงไฟฟ้าของบริษัทมีความยืดหยุ่นในการดำเนินงานเนื่องจากสามารถเดินเครื่องกังหันก๊าซได้อย่างอิสระในช่วงของการซ่อมบำรุงกังหันไอน้ำหรือเพื่อบริหารจัดการโรงไฟฟ้า บริษัทได้ลงนามในสัญญาซ่อมบำรุงกังหันก๊าซระยะยาวกับ Siemens เป็นระยะเวลา 8 ปี ซึ่งสัญญาดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานและควบคุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง สำหรับการดำเนินงานและการซ่อมบำรุงรักษาประจำวันนั้น บริษัทก็มีทีมบุคลากรของตนเองซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานและการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม
ตั้งแต่เริ่มดำเนินงานในปี 2556 โรงไฟฟ้าของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 494 ล้านหน่วยให้แก่กฟผ.ซึ่งคิดเป็น 77% ของไฟฟ้าที่จำหน่ายทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 99 ล้านหน่วยให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 45 ล้านหน่วยให้แก่ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด (ABPR1) เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าของกลุ่ม โดยมีดัชนีความพร้อมที่ 99.5% และอัตราความร้อน 7,467 บีทียูต่อหน่วย ซึ่งดีกว่าอัตราความร้อนอ้างอิงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.ที่ 8,000 บีทียูต่อหน่วย ในด้านของประสิทธิภาพการใช้พลังงานนั้น โรงไฟฟ้าของบริษัทบรรลุดัชนีชี้วัดความสามารถในการใช้พลังงานปฐมภูมิในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนร่วมกัน (Primary Energy Saving -- PES) ทำให้ได้รับค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมจากค่าการประหยัดการใช้เชื้อเพลิง (Fuel Saving -- FS) ที่ 0.36 บาทต่อหน่วย จาก กฟผ.
การหยุดซ่อมตามแผนบำรุงรักษาและค่าก๊าซที่ลดลงในปี 2559 ทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลงเป็น 2,371 ล้านบาทและ 652 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขาย) อยู่ที่ 26% และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 11.7% โดย ณ สิ้นปี 2559 บริษัทมีเงินกู้รวมทั้งสิ้น 3,771 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ระดับ 73.2%
ในเดือนเมษายน 2560 บริษัทได้กู้ยืมเงินระหว่างกันจาก บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เอสพีวี 1 จำกัด (ABPSPV) จำนวน 3,920 ล้านบาทเพื่อนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้โครงการ โดยสัญญาเงินกู้ยืมระหว่างกันได้กำหนดตารางการชำระคืนหนี้ที่สอดคล้องกับตารางการชำระคืนหุ้นกู้ของ ABPSPV ซึ่งกำหนดชำระคืนเงินกู้งวดแรกจะเกิดขึ้นในปี 2563 จำนวน 615 ล้านบาท ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมี EBITDA อยู่ในระดับ 600-700 ล้านบาทต่อปี และมีเงินสดคงเหลือมากกว่า 1,000 ล้านบาทซึ่งเพียงพอต่อการชำระคืนหนี้เงินกู้ในปี 2563 และปีต่อๆไป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทมีตารางการชำระคืนเงินกู้ที่ยาวนาน ดังนั้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงปี 2561-2562
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถดำเนินงานโรงไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นและสามารถสร้าง EBITDA ที่แน่นอนได้ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการชำระหนี้เงินกู้ที่จะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2563 ได้ด้วย
ปัจจัยที่จะมีผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทยังมีค่อนข้างจำกัดในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ส่วนปัจจัยที่จะมีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตได้แก่กรณีที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัท
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html