ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในธุรกิจร้านอาหารและร้านอาหารบริการด่วน รวมไปถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสาร อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงบางส่วนจากความสามารถในการทำกำไรที่อ่อนแอลง ตลอดจนความท้าทายในการสร้างความเติบโตของผลกำไรในธุรกิจร้านอาหารและร้านอาหารบริการด่วน รวมทั้งค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนที่จะเกิดขึ้นจากการขยายธุรกิจร้านอาหารและการเปิดธุรกิจใหม่
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารที่มีความมั่นคง
บริษัทประกอบธุรกิจคลังสินค้าและท่าเทียบเรือมาตั้งแต่ปี 2519 และขยายสู่ธุรกิจคลังเอกสารในปี 2538 บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและมีประวัติการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าที่ยาวนานปัจจุบันบริษัทบริหารคลังสินค้าจำนวน 32 คลังและคลังเอกสารจำนวน 19 คลัง รายได้จากธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราเฉลี่ย 8% ในช่วง 5 ที่ผ่านมา โดยในปี 2560 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสาร 340 ล้านบาทโดยเติบโตจากปีก่อนหน้า 3% ธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารสร้างรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอโดยคิดเป็น 10% ของรายได้รวมของบริษัทและสร้างกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของกลุ่มในปี 2560 ที่ประมาณ 27%
มีตราสินค้าร้านอาหารและร้านอาหารบริการด่วนที่มีชื่อเสียง
บริษัทพึ่งพาธุรกิจร้านอาหารและอาหารบริการด่วนค่อนข้างมาก โดยรายได้จากธุรกิจดังกล่าวคิดเป็น 85% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ร้านอาหารของบริษัทมีตราสัญลักษณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีทั้งในกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติ บริษัทดำเนินงานร้านอาหารแฟรนไชส์ภายใต้ตราสัญลักษณ์ 3 ตรา ได้แก่ “ดังกิ้น โดนัท” ซึ่งเป็นร้านขายโดนัทและเครื่องดื่ม “โอ บอง แปง” ซึ่งเป็นร้านขายขนมอบหรือเบเกอรี่ และ “บาสกิ้น รอบบิ้นส์” ซึ่งเป็นร้านขายไอศกรีม นอกจากนี้ บริษัทยังมีตราสัญลักษณ์ร้านอาหารของตนเองคือ “เกรฮาวด์ คาเฟ่” ซึ่งบริษัทได้ซื้อกิจการมาเมื่อปี 2557 ด้วย ร้านอาหารและเครื่องดื่มของบริษัทมีจำนวนสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ในระดับปานกลางรวมทั้งสิ้น 420 สาขาทั่วประเทศ
มีฐานรายได้ขนาดเล็กและมีอัตรากำไรที่เบาบาง
บริษัทมีขนาดของรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ค่อนข้างเล็กและมีอัตรากำไรที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยบริษัทมีรายได้ 2,832 ล้านบาทและมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเท่ากับ 238 ล้านบาทในปี 2560 หรือคิดเป็นอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายที่ 8.4% บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างผลกำไรจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจร้านอาหาร รายได้จากธุรกิจร้านอาหารของบริษัทลดลง 2% ในปี 2560 จากผลของยอดขายจากสาขาเดิมที่หดตัว 2.7% และจำนวนผู้ใช้บริการที่ลดลง ผลกระทบส่วนใหญ่มาจากยอดขายของร้านดังกิ้น โดนัทที่ลดลง 11% มาอยู่ที่ 1,020 ล้านบาทในปี 2560 อย่างไรก็ตาม ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ มีผลการดำเนินงานที่ดีจากยอดขายในร้านเดิมที่เติบโตและจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นซึ่งทำให้มีรายได้ 844 ล้านบาทในปี 2560 คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ระดับ 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน
จำนวนร้านอาหารในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ในปี 2560 บริษัทมีร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ในต่างประเทศซึ่งดำเนินงานโดยตัวแทนแฟรนไชส์จำนวนทั้งสิ้น 17 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จำนวน 3 สาขา ในการนี้ บริษัทจะได้รับค่าแรกเข้าแฟรนไชส์ ตลอดจนค่าธรรมเนียมในการเปิดสาขาใหม่ และได้รับส่วนแบ่งรายได้ของร้านแฟรนไชส์ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไรให้แก่บริษัทเนื่องจากการขยายสาขาแฟรนไชส์มีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มที่ค่อนข้างน้อย ในเดือนธันวาคม 2560 บริษัทยังได้เปิดร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ที่บริษัทลงทุนเองแห่งแรกในต่างประเทศที่ลอนดอนอีกด้วย โดยบริษัทมีแผนจะเปิดสาขาร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ของตนเองในลอนดอนและยุโรปเพิ่มต่อไปหลังจากที่ได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าในสาขาแรกที่เปิดใหม่ดังกล่าว
นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคม 2560 บริษัทยังได้ซื้อหุ้น 100% ในร้าน “Le Grand Vefour” ในประเทศฝรั่งเศสซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานและได้รางวัลดาวมิชลิน 2 ดวง โดยบริษัทซื้อกิจการจาก Mr. Guy Martin ซึ่งเป็นเชฟชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียง ในอนาคตบริษัทมีแผนจะร่วมมือกับ Mr. Martin ในการขยายธุรกิจร้านอาหารในทวีปยุโรปและในตลาดทั่วโลกต่อไป
ขยายสู่การลงทุนในธุรกิจใหม่
บริษัทอยู่ระหว่างการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโรงแรม โดยบริษัทจะลงทุนในโครงการซึ่งประกอบด้วยโรงแรมขนาด 62 ห้องพักชื่อ “House of Tin Baron” และร้านอาหารในโรงแรมชื่อ “Old Town” ซึ่งโครงการตั้งอยู่ในใจกลางเมืองภูเก็ตโดยสร้างบนที่ดินที่บริษัททำสัญญาเช่าระยะยาวจากกรรมการผู้จัดการซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัท บริษัทคาดว่างบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้นจะอยู่ที่ 280 ล้านบาทโดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืม บริษัทเชื่อว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จภายในปี 2563 ก็จะช่วยให้บริษัทมีรายได้และผลกำไรที่เติบโตขึ้น
?
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นจากการที่บริษัทย่อยเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน
ในเดือนเมษายน 2560 บริษัทย่อยของบริษัทคือ บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) ได้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และสามารถระดมทุนได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท บริษัทได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นจาก 59% ในปี 2559 เป็น 45% ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทยังมีสภาพคล่องที่ปรับตัวดีขึ้นด้วยโดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 20% ในไตรมาสแรกของปี 2561
ตามประมาณการของทริสเรทติ้งคาดว่างบลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 425-460 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2563 โดยจะใช้ไปในการขยายสาขาร้านอาหารและลงทุนในโครงการโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ทริสเรทติ้งประมาณการว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตเฉลี่ยที่ 8% ต่อปีจากจำนวนสาขาร้านอาหารที่เพิ่มขึ้นและการรวมผลการดำเนินงานของร้าน Le Grand Vafour ในปารีสเข้ามาในงบการเงิน ทั้งนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะอยู่ในช่วง 340-420 ล้านบาทต่อปี และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ในช่วง 46%-49% ในช่วงปี 2561-2563
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสถานะทางการตลาดในธุรกิจของตนเอาไว้ได้และจะมีผลการดำเนินงานที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญพร้อมกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ในขณะที่อันดับเครดิตอาจปรับลดหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงกว่าที่คาดอย่างต่อเนื่อง หรือหากบริษัทมีการลงทุนที่ทำให้ต้องก่อหนี้เป็นจำนวนมาก
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html