ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอและโอกาสในการเติบโตของธุรกิจรถไฟฟ้า การทบทวนอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนในเขตเมืองที่จะหมดอายุในปี 2563 และการก่อหนี้ของบริษัทที่จะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าโครงการใหม่ด้วยเช่นกัน
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากผลประกอบการที่แน่นอนของธุรกิจทางด่วน ทั้งนี้ ปริมาณจราจรบนทางด่วนเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2.9% ต่อปีในช่วงระหว่างปี 2555-2560 ในขณะที่ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 ปริมาณจราจรบนทางด่วนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2 ล้านเที่ยวต่อวัน และรายได้ค่าผ่านทางบนระบบทางด่วนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 27.62 ล้านบาทต่อวัน
ความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัมปทานทางด่วน
บริษัทมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนในเขตเมือง (ส่วน A, B, และส่วน C) ที่จะหมดอายุในปี 2563 แม้ว่าในสัญญาสัมปทานจะกำหนดให้บริษัทสามารถต่ออายุสัญญาสัมปทานได้ครั้งละ 10 ปีจำนวน 2 ครั้ง แต่เงื่อนไขของสัญญาที่ต่ออายุก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างบริษัทและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันรายได้ประมาณ 40% และรายได้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (EBITDA) ของบริษัทมาจากการให้บริการทางด่วนในเขตเมืองดังกล่าว
โอกาสในการเติบโตจากธุรกิจรถไฟฟ้า
จำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งบริษัทเป็นผู้ดำเนินการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของประชากรที่อาศัยอยู่ตามแนวรถไฟฟ้ารวมทั้งการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงที่เริ่มในเดือนสิงหาคม 2560 ในช่วงระหว่างปี 2555-2560 อัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยของผู้โดยสารอยู่ที่ระดับ 7.7% ต่อปี ส่วนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2560 จำนวนผู้โดยสารโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 301,869 เที่ยวต่อวันและรายได้ค่าโดยสารโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 7.63 ล้านบาท
อัตราการเติบโตของผู้โดยสารคาดว่าจะเป็นไปแบบก้าวกระโดดเมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายแล้วเสร็จ โดยส่วนต่อขยายช่วงที่ 2 สถานีหัวลำโพง-หลักสอง จะเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2562 และช่วงที่ 3 สถานีเตาปูน-
ท่าพระ จะเปิดให้บริการในเดือนมีนาคม 2563 นอกจากนี้ การที่ภาครัฐมีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้เป็นเครือข่ายเชื่อมถึงกันก็จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทด้วยเช่นกัน เนื่องจาก บริษัทอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบที่จะชนะการประมูลโครงการภาครัฐหลายๆ โครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการที่บริษัทเป็นผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์และมีความพร้อมสูง นอกจากนี้ การที่เส้นทางเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีลักษณะเป็นวงแหวน ก็จะเอื้อประโยชน์ในการรับผู้โดยสารต่อมาจากรถไฟฟ้าสายอื่นๆ เพื่อป้อนให้แก่สายสีน้ำเงินด้วย
อัตรากำไรมีแนวโน้มลดลง
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เข้มแข็งของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากการมีอัตรากำไรที่อยู่ในระดับสูง ในปี 2560 บริษัทมีรายได้จำนวน 15,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.6% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเปิดดำเนินการของรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (Si Rat-Outer Ring Expressway – SOE) ในเดือนสิงหาคม 2559 และในไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.1% โดยอยู่ที่ 3,886 ล้านบาท
อัตรากำไรของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้คงอยู่ในระดับสูงที่ 49.2% ในไตรมาสแรกของปี 2561 แต่คาดว่าอัตรากำไรในระดับสูงดังกล่าวจะลดลงโดยพิจารณาจากส่วนแบ่งรายได้ที่บริษัทต้องจ่ายให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีซึ่งทริสเรทติ้งถือว่าเป็นต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัท
ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าปีละ 3% ในระหว่างปี 2561-2562 ในขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 40%-48% การเติบโตของรายได้ของบริษัทรวมถึงอัตรากำไรในปี 2563 จะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ เงื่อนไขของสัญญาสัมปทานทางด่วนที่ต่ออายุและผลการดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหลังจากส่วนต่อขยายเปิดให้บริการครบทั้งหมด
?
ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น
ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทถูกลดทอนด้วยภาระหนี้จากการลงทุนที่อยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นธรรมชาติของธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้า ณ เดือนมีนาคม 2561 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวม (ซึ่งรวมสำรองสำหรับการเวนคืนที่ดินในธุรกิจทางด่วน) ต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ที่ 61.3% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งไม่ได้รวมภาระหนี้ประมาณ 13,000 ล้านบาทจากการลงทุนในระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้าสายสีม่วงเนื่องจากภาระหนี้ดังกล่าวมีสัญญาการชำระคืนหนี้จาก รฟม. ในระยะเวลา 10 ปีรองรับอยู่ แต่ภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย โดยบริษัทมีแผนลงทุนรวมประมาณ 18,500 ล้านบาทในปี 2561-2563 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทขึ้นไปถึงระดับสูงสุดที่ 65%-68% ในช่วงเวลาดังกล่าว
สภาพคล่องที่เพียงพอ
สภาพคล่องของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอและความยืดหยุ่นทางการเงินจากมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทร่วม ในไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 13.1% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) ในขณะที่มีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 4.9 เท่า (ไม่รวมรายการดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายที่เกี่ยวข้องกับภาระหนี้ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง)
ในระยะ 12 เดือนข้างหน้าทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีแหล่งสภาพคล่องที่เพียงพอสำหรับภาระทางการเงินและแผนการลงทุน ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการลงทุนประมาณ 9,700-10,000 ล้านบาท มีภาระทางการเงินที่ถึงกำหนดชำระรวมประมาณ 4,800 ล้านบาท และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลอีกประมาณ 1,700-1,900 ล้านบาท โดยแหล่งสภาพคล่องจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดหมายว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 5,800 ล้านบาท รวมทั้งเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ณ เดือนมีนาคม 2561 อีกจำนวน 2,334 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังจะได้รับเงินจากการขายเงินลงทุนใน บริษัท ไซยะบุรี จำกัด (Xayaburi Power Co., Ltd.) ในเดือนมิถุนายน 2561 จำนวน 2,065 ล้านบาทอีกด้วย สำหรับงบลงทุนนั้นคาดว่าบริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมจากธนาคารและการออกหุ้นกู้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินลงทุนใน บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีมูลค่ายุติธรรมรวมอยู่ที่ 15,196 ล้านบาท ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2561 เพื่อเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินอีกด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากทั้งธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้า
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัดจากแผนการลงทุนที่มีการก่อหนี้จำนวนมากในระยะ 3 ปีข้างหน้าและจากความไม่แน่นอนในการต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ในเขตเมือง ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะทางธุรกิจและการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจนส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับเกินกว่า 65.% อย่างต่อเนื่องยาวนาน
?
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM)
อันดับเครดิตองค์กร: A
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html