บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน (HPRO083A, HPRO093A) ของ บริษัท โฮม โปรดักส์
เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป รวมทั้งผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินที่อยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงยอดขายจากสาขาเดิมที่ลดลงอันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลง และการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายวัสดุและสินค้าเกี่ยวกับบ้าน โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา การชะลอตัวของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลให้ยอดขายสำหรับลูกค้าบ้านใหม่ลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปสงค์เพื่อการซ่อม
แซมและตกแต่งบ้านเก่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้บางส่วน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร” ณ เดือนพฤศจิกายน 2550 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 29 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 17 แห่ง และในต่างจังหวัดอีก 12 แห่ง โดยสาขาล่าสุดที่จังหวัดระยองซึ่งจะเปิดในเดือนธันวาคม 2550 นี้จะทำให้บริษัทมีสาขาครบ 30 แห่งและมีพื้นที่ขายรวม 203,500 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทมีสินค้าเกี่ยวกับบ้านมากกว่า 60,000 รายการซึ่งแบ่งตามประเภทสินค้าออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย วัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ เครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและโคมไฟ และสินค้าตกแต่งบ้าน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายสาขาโดยมีการเปิดสาขาใหม่โดยเฉลี่ย 2-3 แห่งต่อปี การที่ผู้บริโภคหันมานิยมศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มขึ้นทำให้ร้านค้าของบริษัทได้รับความนิยมมากกว่าร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าเกี่ยวกับบ้านแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยังส่งผลให้บริษัทขยายธุรกิจสู่ตลาดสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่ลูกค้าสามารถประกอบและติดตั้งด้วยตนเองมากขึ้น การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดซึ่งช่วยให้ต้นทุนของบริษัทลดลง รวมทั้งการมีสัดส่วนของสินค้าที่เป็นตราเฉพาะของบริษัทและสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นส่งผลให้บริษัทยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับประมาณ 23% เอาไว้ได้แม้สภาวะตลาดโดยรวมในปี 2550 จะชะลอตัวลงก็ตาม
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ มียอดขายรวม 11,523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปี 2549 อย่างไรก็ตาม ยอดขายจากสาขาเดิมกลับลดลง 4.9% จากการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย การลดลงของความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการเพิ่มขึ้นของอัตราการแย่งส่วนแบ่งตลาดระหว่างสาขาเดิมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มใหม่ นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการปรับรายการผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและความสามารถในการใช้จ่ายที่ลดลงด้วย
ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ภายหลังการเพิ่มทุน 955 ล้านบาทเมื่อเดือนธันวาคม 2549 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับก็ตัวดีขึ้นจาก 54.21% ในปี 2548 เป็น 50.97% ในปี 2549 และ 50.58% ในเดือนกันยายน 2550 นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีสภาพคล่องในระดับสูงจากการบริหารวงจรเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 818 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 1,118 ล้านบาทในปี 2549 และ 1,003 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการขยายสาขาและรายได้ค่าเช่าจากพื้นที่ค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าเงินกู้รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 2,108 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 3,160 ล้านบาทในปี 2549 และเป็น 3,303 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ทว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 27.46% ในปี 2549 และ 23.55% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป รวมทั้งผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินที่อยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงยอดขายจากสาขาเดิมที่ลดลงอันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลง และการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายวัสดุและสินค้าเกี่ยวกับบ้าน โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายสาขา การชะลอตัวของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลให้ยอดขายสำหรับลูกค้าบ้านใหม่ลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุปสงค์เพื่อการซ่อม
แซมและตกแต่งบ้านเก่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้บางส่วน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำในธุรกิจศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าและบริการเพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรภายใต้ชื่อ “โฮมโปร” ณ เดือนพฤศจิกายน 2550 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 29 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 17 แห่ง และในต่างจังหวัดอีก 12 แห่ง โดยสาขาล่าสุดที่จังหวัดระยองซึ่งจะเปิดในเดือนธันวาคม 2550 นี้จะทำให้บริษัทมีสาขาครบ 30 แห่งและมีพื้นที่ขายรวม 203,500 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทมีสินค้าเกี่ยวกับบ้านมากกว่า 60,000 รายการซึ่งแบ่งตามประเภทสินค้าออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย วัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ เครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและโคมไฟ และสินค้าตกแต่งบ้าน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายสาขาโดยมีการเปิดสาขาใหม่โดยเฉลี่ย 2-3 แห่งต่อปี การที่ผู้บริโภคหันมานิยมศูนย์ค้าปลีกสมัยใหม่เพิ่มขึ้นทำให้ร้านค้าของบริษัทได้รับความนิยมมากกว่าร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าเกี่ยวกับบ้านแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยังส่งผลให้บริษัทขยายธุรกิจสู่ตลาดสินค้าเกี่ยวกับบ้านที่ลูกค้าสามารถประกอบและติดตั้งด้วยตนเองมากขึ้น การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดซึ่งช่วยให้ต้นทุนของบริษัทลดลง รวมทั้งการมีสัดส่วนของสินค้าที่เป็นตราเฉพาะของบริษัทและสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นส่งผลให้บริษัทยังคงสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับประมาณ 23% เอาไว้ได้แม้สภาวะตลาดโดยรวมในปี 2550 จะชะลอตัวลงก็ตาม
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ มียอดขายรวม 11,523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปี 2549 อย่างไรก็ตาม ยอดขายจากสาขาเดิมกลับลดลง 4.9% จากการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัย การลดลงของความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และการเพิ่มขึ้นของอัตราการแย่งส่วนแบ่งตลาดระหว่างสาขาเดิมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มใหม่ นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการปรับรายการผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและความสามารถในการใช้จ่ายที่ลดลงด้วย
ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ภายหลังการเพิ่มทุน 955 ล้านบาทเมื่อเดือนธันวาคม 2549 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนปรับก็ตัวดีขึ้นจาก 54.21% ในปี 2548 เป็น 50.97% ในปี 2549 และ 50.58% ในเดือนกันยายน 2550 นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีสภาพคล่องในระดับสูงจากการบริหารวงจรเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 818 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 1,118 ล้านบาทในปี 2549 และ 1,003 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการขยายสาขาและรายได้ค่าเช่าจากพื้นที่ค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าเงินกู้รวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจาก 2,108 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 3,160 ล้านบาทในปี 2549 และเป็น 3,303 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ทว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็ยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 27.46% ในปี 2549 และ 23.55% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว