ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ระดับ “AAA” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญของ กฟผ. ในฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบการจัดหาไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นเจ้าของระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงทั่วทั้งประเทศแต่เพียงผู้เดียว ในการประเมินอันดับเครดิตดังกล่าวยังได้พิจารณาถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ กฟผ. และการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาลไทย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศ
สถานะทางธุรกิจของ กฟผ. สะท้อนถึงบทบาทที่สำคัญของ กฟผ. ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศไทย โดย กฟผ. มีหน้าที่ในการเป็นผู้ผลิตและจัดหาไฟฟ้าให้แก่ประเทศ เนื่องจากอุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศไทยมีโครงสร้างที่เป็นระบบผู้ซื้อไฟฟ้ารายเดียว (Enhanced Single Buyer Model) ดังนั้น กฟผ. จึงเป็นหน่วยงานหลักที่รับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนทั้งภายในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อจัดส่งผ่านระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
กฟผ. เป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยและยังเป็นผู้บริหารศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ (National Control Center) เพื่อควบคุมกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอสำหรับความต้องการไฟฟ้าของทั้งประเทศอีกด้วย โดยโรงไฟฟ้าทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ตลอดจนโรงไฟฟ้าของภาคเอกชนและโรงไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่ขายไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทยล้วนอยู่ภายใต้การบริหารควบคุมของศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติดังกล่าว ดังนั้น แผนการผลิตไฟฟ้าของทุกฝ่ายจึงขึ้นอยู่กับการบริหารของ กฟผ.
มีสถานะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุด
กฟผ. ยังคงเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดย ณ เดือนมีนาคม 2561 กฟผ. เป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้าจำนวน 47 แห่งด้วยกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 15,757 เมกะวัตต์ คิดเป็น 37.2% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 62.8% นั้นเป็นการรับซื้อจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนในประเทศ (53.7%) และนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) และประเทศมาเลเซีย (9.1%)
กฟผ. มีประวัติผลงานที่ได้รับการยอมรับโดยมีประสบการณ์ในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าหลากหลายประเภทมาเกือบ 50 ปี ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 กฟผ. เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมรวม 8,582 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนรวม 3,647 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำรวม 3,488 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและโรงไฟฟ้าน้ำมันดีเซลขนาดรวม 40 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ กฟผ. ยังมีความเชี่ยวชาญในระดับสูงและมีผลงานที่ได้รับการยอมรับในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าของประเทศด้วย
รายได้ที่แน่นอนจากลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือ
ประมาณ 97.1% ของรายได้ทั้งหมดของ กฟผ. เป็นรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) (69.1%) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) (28.0%) กฟภ. และ กฟน. ต่างก็เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของไทย โดย กฟภ. รับผิดชอบการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตต่างจังหวัด ในขณะที่ กฟน. รับผิดชอบการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าในเขตนครหลวง (กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และนนทบุรี)
ค่าไฟฟ้าได้รับการชดเชยเงินลงทุน
กฟผ. ได้รับการชดเชยเงินลงทุนจากค่าไฟฟ้า โดยโครงสร้างค่าไฟฟ้าในปัจจุบันได้รับการกำหนดบนพื้นฐานของอัตราผลตอบแทนการลงทุน (Return on Invested Capital -- ROIC) ที่ระดับ 5.69% สำหรับ กฟผ. ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนการลงทุนนี้มีเป้าหมายที่จะให้ กฟผ. มีกระแสเงินสดที่เพียงพอสำหรับการลงทุนทั้งในส่วนของการผลิตไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้า
ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงมีจำกัด
กฟผ. มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงไม่มากนัก ทั้งนี้ ภายใต้โครงสร้างค่าไฟฟ้าในปัจจุบันที่กำกับดูแลโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงใดใดที่เกี่ยวกับราคาเชื้อเพลิงหรือราคารับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเอกชน กกพ. ก็จะมีการนำการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมาพิจารณาเพื่อกำหนดค่าปรับปรุงเชื้อเพลิง หรือค่า Ft (Fuel Adjustment Charge) ก่อนที่จะกำหนดเป็นค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าต่อไป โดย กกพ. จะคำนวณและประกาศการเปลี่ยนแปลงในทุก 4 เดือน
?
นโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง
กฟผ. มีนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง โดย กฟผ. มีการดำรงเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดไม่ต่ำกว่า 45,000 ล้านบาท นอกจากนี้ กฟผ. ยังมีนโยบายสำหรับการรักษาอัตราส่วนทางการเงินเพื่อรักษาวินัยทางการเงินให้มั่นคงอีกด้วย ซึ่งประกอบด้วย การรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน (Debt to Equity Ratio) ที่ไม่เกิน 1.5 เท่า อัตราส่วนการลงทุนจากเงินรายได้ (Self-financial Ratio) ที่ไม่ต่ำกว่า 25.0% และอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (Debt Service Coverage Ratio) ที่ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า เป็นต้น
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
กฟผ. มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2560 กฟผ. มีเงินกู้รวมทั้งสิ้น 395,233 ล้านบาทซึ่งรวมภาระผูกพันในการซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตอื่น (หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงิน – โรงไฟฟ้า) จำนวน 283,026 ล้านบาทด้วย กฟผ. มีโครงสร้างเงินทุนที่เข้มแข็งโดยมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 47.8% ณ สิ้นปี 2560
กฟผ. มีสภาพคล่องที่แข็งแรง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 70,955 ล้านบาท รวมทั้งวงเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 10,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานในระยะ 12 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 73,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กฟผ. มีภาระที่จะต้องชำระคืนเงินกู้ในระยะ 12 เดือนข้างหน้าซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะยาวและพันธบัตรรวมจำนวนประมาณ 7,552 ล้านบาท
ทริสเรทติ้งประมาณการว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ กฟผ. จะอยู่ที่ระดับประมาณ 110,000-140,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2563 โดยประมาณการนี้อยู่บนสมมุติฐานที่อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (Real Gross Domestic Product) จะอยู่ที่ประมาณ 4.1% สำหรับปี 2561 และที่อัตราเฉลี่ยปีละ 3.4% ในช่วงปี 2562-2563 นอกจากนี้ ยังคาดว่า กฟผ. จะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนอีกประมาณ 200,000 ล้านบาทในช่วงปี 2561-2563 โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้รวมถึงโครงการลงทุนที่มีภาระผูกพันสำหรับพัฒนาระบบส่งไฟฟ้ารวมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเก่าที่กำลังจะปลดออกจากระบบ ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับประมาณการ EBITDA แล้ว ทริสเรทติ้งเชื่อว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของ กฟผ. จะอยู่ในระดับต่ำกว่า 50.0% ตลอดช่วงประมาณการ
ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่
กฟผ. ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ภายใต้พระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 ระบุว่ารัฐบาลไทยจะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษแก่ กฟผ. ในกรณีที่รายได้ของ กฟผ. ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายซึ่งรวมถึงรายจ่ายดอกเบี้ยและการชำระคืนหนี้สิน
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า กฟผ. จะยังคงดำรงบทบาทที่สำคัญในอุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศไทยต่อไปเช่นเดิม
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่มีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐจนส่งผลให้สถานะในการเป็นรัฐวิสาหกิจของ กฟผ. เปลี่ยนแปลงไป หรือบทบาทของ กฟผ. ในอุตสาหกรรมไฟฟ้าของไทยลดความสำคัญลงไป
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html