บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกัน (KEGCO#1) ของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด (KEGCO) ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของโครงการโรงไฟฟ้าขนอม ความสำคัญในฐานะเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักสำหรับภาคใต้ของประเทศไทย และผลงานความสำเร็จในการดำเนินงานโรงไฟฟ้า
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าขนอมจะยังคงสามารถบรรลุผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้และสร้างรายได้ค่าไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอให้แก่ KEGCO
ทริสเรทติ้งรายงานว่า KEGCO ก่อตั้งในปี 2538 เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าขนอมซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 824 เมกะวัตต์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการแปรรูปกิจการไฟฟ้าของ กฟผ. บริษัทมีฐานะเป็นบริษัทย่อยซึ่งถือหุ้น 100% โดย บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ กฟผ. ถือหุ้น 25.4% โรงไฟฟ้าขนอมซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อน 2 ชุดซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 1 ชุดซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 674 เมกะวัตต์
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. และ KEGCO มีการออกแบบที่ดี อายุสัญญาที่นานถึง 15-20 ปีช่วยลดความเสี่ยงทางการตลาดทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงราคาค่าไฟฟ้าและปริมาณการใช้ไฟ รายได้ค่าไฟฟ้าส่วนใหญ่ซึ่งมาจากการดำรงความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของความต้องการใช้ไฟฟ้า ในขณะที่โครงสร้างค่าไฟฟ้าที่ประกอบด้วยต้นทุนบวกกำไรช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาค่าไฟ ความได้เปรียบในการแข่งขันของโรงไฟฟ้าขนอมมาจากการมีทำเลที่ตั้งซึ่งมีอุปสงค์ในการใช้ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและการเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50%- 60% ของอุปสงค์ในการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของภาคใต้ในระหว่างปี 2547-2549 การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเป็นที่น่าพอใจโดยสามารถบรรลุเป้าหมายของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งในด้านความพร้อมจ่ายและอัตราการเผาไหม้เชื้อเพลิง เทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้วประกอบกับบุคลากรที่เชี่ยวชาญช่วยลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและความเสี่ยงจากการดำเนินงาน ในขณะที่ผู้ซื้อไฟฟ้าเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเชื้อเพลิงผ่านทางค่าพลังงานไฟฟ้า
KEGCO มีผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าให้อยู่ที่ระดับ 92.4% รายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้น จาก 4,339 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 5,273 ล้านบาทในปี 2549 และ 3,318 ล้านบาทสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 เงินกู้รวมคงค้างลดลงเหลือ 4,645 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2550 และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 55.8% ในปี 2548 เป็น 44.0% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทซึ่งอยู่ในระดับ 1.68 เท่า ณ สิ้นปี 2549 นั้นสูงกว่าระดับต่ำสุดที่กำหนดไว้ที่ระดับ 1.10 เท่าเป็นอย่างมาก ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าขนอมจะยังคงสามารถบรรลุผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้และสร้างรายได้ค่าไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอให้แก่ KEGCO
ทริสเรทติ้งรายงานว่า KEGCO ก่อตั้งในปี 2538 เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าขนอมซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 824 เมกะวัตต์จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการแปรรูปกิจการไฟฟ้าของ กฟผ. บริษัทมีฐานะเป็นบริษัทย่อยซึ่งถือหุ้น 100% โดย บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ กฟผ. ถือหุ้น 25.4% โรงไฟฟ้าขนอมซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อน 2 ชุดซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 1 ชุดซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 674 เมกะวัตต์
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. และ KEGCO มีการออกแบบที่ดี อายุสัญญาที่นานถึง 15-20 ปีช่วยลดความเสี่ยงทางการตลาดทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงราคาค่าไฟฟ้าและปริมาณการใช้ไฟ รายได้ค่าไฟฟ้าส่วนใหญ่ซึ่งมาจากการดำรงความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของความต้องการใช้ไฟฟ้า ในขณะที่โครงสร้างค่าไฟฟ้าที่ประกอบด้วยต้นทุนบวกกำไรช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาค่าไฟ ความได้เปรียบในการแข่งขันของโรงไฟฟ้าขนอมมาจากการมีทำเลที่ตั้งซึ่งมีอุปสงค์ในการใช้ไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและการเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50%- 60% ของอุปสงค์ในการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของภาคใต้ในระหว่างปี 2547-2549 การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเป็นที่น่าพอใจโดยสามารถบรรลุเป้าหมายของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งในด้านความพร้อมจ่ายและอัตราการเผาไหม้เชื้อเพลิง เทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้วประกอบกับบุคลากรที่เชี่ยวชาญช่วยลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและความเสี่ยงจากการดำเนินงาน ในขณะที่ผู้ซื้อไฟฟ้าเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเชื้อเพลิงผ่านทางค่าพลังงานไฟฟ้า
KEGCO มีผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าให้อยู่ที่ระดับ 92.4% รายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้น จาก 4,339 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 5,273 ล้านบาทในปี 2549 และ 3,318 ล้านบาทสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2550 เงินกู้รวมคงค้างลดลงเหลือ 4,645 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2550 และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 55.8% ในปี 2548 เป็น 44.0% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2550 อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทซึ่งอยู่ในระดับ 1.68 เท่า ณ สิ้นปี 2549 นั้นสูงกว่าระดับต่ำสุดที่กำหนดไว้ที่ระดับ 1.10 เท่าเป็นอย่างมาก ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว