ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 26, 2018 17:35 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (เดิมชื่อ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน)) ที่ระดับ “A-”

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต “A-/Stable”) โดยอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตของบริษัทแม่ตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่มของทริสเรทติ้ง

อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงผลงานที่ได้รับการยอมรับในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและฐานรายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค รวมถึงเงินปันผลจากการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า การประเมินอันดับเครดิตยังมีการพิจารณาถึงความผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและการฟื้นตัวที่เชื่องช้าของความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของกลุ่มดับบลิวเอชเอ

บริษัทเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น(บริษัทแม่) เมื่อพิจารณาจากความสำคัญเชิงกลยุทธ์และการสร้างรายได้หลักให้แก่กลุ่มดับบลิวเอชเอ บริษัทรวมถึงบริษัทลูกรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภทคือ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจการให้บริการสาธารณูปโภค การที่มีบริษัทแม่เป็นผู้ควบคุมทิศทางการดำเนินธุรกิจและนโยบายทางการเงินทั้งหมดของบริษัท จึงทำให้สถานะเครดิตของบริษัทมีความเชื่อมโยงกับสถานะเครดิตของบริษัทแม่อย่างใกล้ชิด

ในปี 2560 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายคิดเป็นสัดส่วน 89% ของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น

เป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

บริษัทมีสถานะเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยเมื่อพิจารณาจากยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศ บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 42%-58% ในปี 2556-2560 จาก 16%-28% ในปี 2552-2555 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 38% รองลงมาคือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (26%) และ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (20%)

เมื่อไม่นานมานี้บริษัทได้ขยายการลงทุนไปในประเทศเวียดนาม โดยนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกของบริษัทตั้งอยู่ในเมือง Nghe An บริษัทได้รับใบอนุญาตลงทุนจากรัฐบาลเวียดนามในการเช่าที่ดินขนาด 498 เฮกตาร์ (หรือ 3,100 ไร่) การลงทุนระยะเริ่มต้นของบริษัทจะครอบคลุมที่ดินประมาณ 1,000 ไร่ โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการโอนพื้นที่ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

ความผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

การเติบโตของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุน การหดตัวของภาคการลงทุนและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลงส่งผลให้ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลดลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ยอดขายที่ดินของบริษัทสะท้อนอุตสาหกรรมที่ถดถอยลง ทั้งนี้ หลังจากยอดขายที่ดินของบริษัทเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 2,000 ไร่ในปี 2556 แล้วก็ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 800-1,000 ไร่ในปี 2558-2560 และเหลือเพียง 173 ไร่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 แม้ว่ายอดขายที่ดินจะอ่อนตัวลง แต่ทริสเรทติ้งยังมองว่าแนวโน้มในอนาคตจะยังคงสดใส กล่าวคือ รัฐบาลได้อนุมัติโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกซึ่งจะกระตุ้นการลงทุนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก บริษัทก็จะได้รับอานิสงส์จากโครงการดังกล่าวด้วยเช่นกันเนื่องจากบริษัทมีที่ดินจำนวนประมาณ 10,000 ไร่ (ครอบคลุมถึงที่ดินของบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่กับ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)) ซึ่งประมาณ 85% ของที่ดินทั้งหมดนี้อยู่ในเขตจังหวัดชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกคือชลบุรีและระยอง

ความต้องการโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าและคลังสินค้าสำเร็จรูปให้เช่าอ่อนตัวลง

รายได้ค่าเช่าของบริษัทลดลงอย่างมาก เนื่องจากบริษัทได้ขายสินทรัพย์จำนวนมากให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT หรือทรัสต์ฯ) ในช่วงปลายปี 2559 และต้นปี 2561 ส่งผลให้รายได้ค่าเช่าของบริษัทลดลงจาก 618 ล้านบาทในปี 2559 มาอยู่ที่ 243 ล้านบาทในปี 2560 และ 83 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ซบเซา ยังคงส่งผลลบต่อความต้องการสินทรัพย์ให้เช่าของบริษัท

รายได้ประจำเพิ่มขึ้นจากธุรกิจสาธารณูปโภคและผลตอบแทนเงินปันผลที่ดีจากธุรกิจโรงไฟฟ้า

รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมและความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท นอกจากนี้ รายได้ยังเพิ่มขึ้นจากการปรับราคาค่าบริการและการปรับสัดส่วนรายได้ของบริษัทอีกด้วย โดยบริษัทจะเน้นการจำหน่ายน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีราคาและกำไรที่สูงกว่าน้ำดิบ รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,075 ล้านบาทในปี 2560 และ 1,038 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 จาก 1,568 ล้านบาทในปี 2556 โดยคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ระดับ 7.3%

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับเงินปันผลที่ดีจากการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าหลายแห่งอีกด้วย ปัจจุบันกำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 510.5 เมกะวัตต์และจะเพิ่มขึ้นเป็น 544.8 เมกะวัตต์ภายในปี 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าปีละประมาณ 1,000-1,300 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า หรือคิดเป็น 20%-30% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจไฟฟ้าช่วยให้กระแสเงินสดของบริษัทมีเสถียรภาพและลดความผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมได้บางส่วน

ภาระหนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

เงินกู้รวมของบริษัทลดลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้นำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งแรกแก่ประชาชนของบริษัทย่อยคือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) และเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้าทรัสต์ฯ มาจ่ายชำระคืนหนี้เงินกู้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 16,919 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2561 จากระดับ 23,663 ล้านบาทในปี 2559 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 41.0% ณ สิ้นปี 2560 และระดับ 39.9% ณ เดือนมิถุนายน 2561 จากระดับ 56.4% ณ สิ้นปี 2559

ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการลงทุนซื้อที่ดินและพัฒนาที่ดินในประเทศไทยรวมถึงพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ จะใช้ลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคและโรงไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นแต่จะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 4,500-5,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2564 เงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 3,200-4,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากระดับประมาณการกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ตลอดจนภาระการชำระคืนหนี้ และเงินลงทุนดังกล่าวแล้วคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 15%-18% ในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 5 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจคลังสินค้าและนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ ในขณะที่รายได้จากธุรกิจบริการสาธารณูปโภคจำนวนมากและสม่ำเสมอรวมทั้งเงินปันผลจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมให้แก่บริษัทได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น อันดับเครดิตของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับสถานะอันดับเครดิตของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น เป็นสำคัญ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของ บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
?
บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WHA ID)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
HEMRAJ217A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
HEMRAJ222A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
HEMRAJ231A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
HEMRAJ244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
HEMRAJ252A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ