ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “AA-” จากเดิมที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของบริษัท นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงธรรมชาติการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ตลอดจนการฟื้นตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ช้ากว่าคาด
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้าน
บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโดยมียอดจำหน่ายรวมเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมทั้ง 6 รายในแง่ของรายได้จากการจำหน่าย ได้แก่ โฮมโปร, ดูโฮม, สยามโกลบอลเฮ้าส์, กลุ่มซีอาร์ซี (โฮมเวิร์คและไทวัสดุ), บุญถาวร และอินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์
รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้น เป็น 59,888 ล้านบาทในปี 2560 จาก 18,540 ล้านบาทในปี 2551 ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ 14% บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตรากำไรของบริษัทซึ่งวัดจากอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้อยู่ในช่วงระหว่าง 14%-15% ถือว่าสูงกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรมที่มีอัตรากำไรอยู่ที่ประมาณ 8%-9%
ปรับสัดส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มกำไร
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจโดยมาอยู่ที่ระดับ 27.1% ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2561 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงที่สุด จากเดิมที่ระดับ 26.4% ในปี 2560
อัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นเกิดจากการปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ในร้านค้าโฮมโปร โดยรายได้จากกลุ่มสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทและสินค้านำเข้าซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าสินค้าภายใต้ตราสินค้าอื่นในท้องตลาดมีสัดส่วนคิดเป็น 19%-21% ของยอดจำหน่ายรวมของบริษัทในช่วงปี 2556 จนถึงปี 2560 บริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนของรายได้จากสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเองต่อรายได้รวมให้เป็น 25% ในระยะยาว
ยอดจำหน่ายจากสาขาเดิมเริ่มฟื้นตัว
ยอดจำหน่ายจากสาขาเดิมของบริษัทลดลง 0.8% ในปี 2560 อย่างไรก็ตาม ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 ยอดจำหน่ายจากสาขาเดิมก็เติบโตสูงขึ้นในระดับปานกลางที่ 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเกิดจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
ทริสเรทติ้งคาดว่าอุปสงค์ภายในประเทศจะฟื้นตัวจากสภาพเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของไทยจะเติบโตที่ระดับ 4.4% ในปี 2561 จากระดับ 3.9% ในปี 2560 ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าสัดส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และรักษาระดับอยู่ที่ 23%
คาดว่าภาระหนี้จะปรับตัวลดลง
อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวลดลงโดยลำดับ เนื่องจากบริษัทจะมีการใช้เงินลงทุนน้อยลงในการขยายสาขาที่มีขนาดเล็กลงจากปกติ ในช่วงระหว่างปี 2561-2566 บริษัทมีแผนการที่จะเปิดสาขาในทุกรูปแบบจากทั้งหมด 108 เป็น 150 สาขา ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 31% ในปี 2564 จาก 46% ในปี 2561
บริษัทวางแผนเงินลงทุนทั้งสิ้นที่จำนวน 15,250 ล้านบาทในช่วงปี 2561-2564 โดยบริษัทจะใช้เงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทและกู้ยืมเงินใหม่มาใช้สำหรับการลงทุนเหล่านี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินสดส่วนเกินเพื่อรองรับภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะอยู่ในช่วงระหว่าง 62%-95%
มีสภาพคล่องที่เพียงพอ
บริษัทมีวงจรเงินสดติดลบซึ่งหมายความว่าบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนส่วนเกินจำนวนมาก บริษัทมีอำนาจในการต่อรองกับเจ้าหนี้การค้าค่อนข้างสูงจากการที่บริษัทมีความแข็งแกร่งจากการประหยัดจากขนาด ในขณะเดียวกัน บริษัทก็มีการควบคุมระดับสินค้าคงเหลือและลูกหนี้การค้าอย่างระมัดระวัง คาดว่าบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอในการชำระดอกเบี้ยจ่ายและรองรับภาระหนี้ที่จะครบกำหนดในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ณ เดือนกันยายน 2561 บริษัทยังมีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 898 ล้านบาทด้วย
?
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทยได้ต่อไป อีกทั้งยังคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้แม้ว่าบริษัทจะมีการขยายธุรกิจ
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในระยะใกล้นี้ยังไม่มีเนื่องจากการปรับเพิ่มอันดับเครดิตครั้งล่าสุด ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ลดลงต่ำกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง หรือหากระดับภาระหนี้ของบริษัทสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือจากการที่บริษัทขยายการลงทุนอย่างมาก หรือจากการที่ผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2561 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html