ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A-” จากเดิมที่ระดับ “A” โดยการปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาภาวะอุปทานส่วนเกินของสัตว์บกและสถานะทางการเงินที่อ่อนแอลงของบริษัท
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานที่ได้รับการยอมรับของบริษัทในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ตลอดจนปัจจัยความเสี่ยงของอุตสาหกรรมอีกหลายประการ เช่น ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ความเสี่ยงจากโรคระบาด และการกีดกันทางการค้า อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายต่าง ๆ โดยเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์และการจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทก็ช่วยลดความกังวลลงได้บ้าง
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีกำไรที่อ่อนแอในช่วงวงจรขาลง
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 และในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานส่วนเกินของสัตว์บกในประเทศ ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้รายปีส่วนใหญ่มาจากยอดขายภายในประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 90% จากยอดขายทั้งหมด ในขณะที่ยอดส่งออกมีเพียง 10% ราคาไก่และสุกรที่ลดลงอย่างมากส่งผลทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 1.4% ในปี 2560 และ -4.5% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 จาก 5.7% ในปี 2559 ส่งผลทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 1,227 ล้านบาทในปี 2560 และมีผลขาดทุน 1,785 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ซึ่งลดลงจากระดับ 4,990 ล้านบาทในปี 2559
ในช่วงที่เหลือของปี 2561 ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาสุกรและไก่ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ก็คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าราคาสุกรจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
อุปสงค์ของไก่และสุกรคาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงปีประมาณการ ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 78,000-91,000 ล้านบาทในช่วงปี 2561-2564 อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ถึง 7.3% ในช่วงปี 2562-2564 จากระดับ -0.5% ในปี 2561 และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,800 ล้านบาทภายในปี 2564 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงปี 2556 และ 2557 จากระดับ -330 ล้านบาทในปี 2561
สถานะทางการเงินอ่อนแอลง
ภาระหนี้ของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงแม้ว่าจะมีการเพิ่มทุนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 จำนวน 1,500 ล้านบาทจากผู้ถือหุ้นเดิม อย่างไรก็ตาม หนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินทุนหมุนเวียนและการขยายการลงทุน โดยบริษัทมีการลงทุนจำนวน 6,300 ล้านบาทในปี 2560 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 55.4% ในปี 2560 โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 43.8% ในปี 2559 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 และปี 2561 อ่อนแอลงในช่วงวงจรขาลงของธุรกิจสัตว์บก ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลงมาอยู่ที่ 3.0 เท่าในปี 2560 จาก 13.3 เท่าในปี 2559
ในอนาคตทริสเรทติ้งคาดว่าระดับหนี้สินของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป โดยบริษัทมีการวางแผนงบประมาณสำหรับการลงทุนจำนวน 3,000-5,000 ล้านบาทต่อปี อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 60% ในช่วงปี 2561-2564 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับ -0.5 เท่าในปี 2561 แต่จะเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 4-9 เท่าในช่วงปี 2562-2564
เป็นผู้นำในภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทย
บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยมานานกว่า 50 ปี บริษัทยังเป็นผู้แปรรูปไก่รายใหญ่อันดับที่ 3 สำหรับตลาดภายในประเทศในปี 2560 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 12% อีกด้วย (อันดับที่ 1 คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (22%) และอันดับที่ 2 คือ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด (12%)) ทั้งนี้ จากรายงานของสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทยระบุว่าส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดไก่ส่งออกของบริษัทอยู่ที่ 9% ในปี 2560 และครึ่งแรกของปี 2561
?
บริษัทยังเป็นผู้ผลิตเนื้อสุกรคุณภาพสูงระดับแนวหน้าในประเทศไทยด้วยโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 7% ของการผลิตเนื้อสุกรในประเทศ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่มีกับ Sumitomo Corporation ของประเทศญี่ปุ่นช่วยให้บริษัทนำเทคโนโลยีการเลี้ยงสุกรแบบ SPF (Specific Pathogen Free) ซึ่งเป็นการเลี้ยงสุกรให้ปลอดจากโรคและสารตกค้างมาใช้ตั้งแต่ปี 2536 ทำให้บริษัทสามารถส่งออกเนื้อสุกรผ่านทางบริษัทคู่ค้าหลักในราคาพิเศษได้
ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ
บริษัทดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ไปจนถึงการเลี้ยงและการแปรรูปเนื้อไก่และเนื้อสุกรเป็นอาหารสำเร็จรูป ทั้งนี้บริษัทมีทั้งการเลี้ยงสัตว์บกเองและผ่านทางเกษตรพันธะสัญญา การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรทำให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพและต้นทุนในการผลิต อีกทั้งยังส่งผลให้สินค้าของบริษัทได้มาตรฐานสากลทั้งในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับซึ่งสามารถส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญอีกด้วย
บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมทั้งอาหารสัตว์ ไก่ สุกร และผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งความหลากหลายดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานของบริษัทลงได้บางส่วน ในปี 2560 และครึ่งแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์ม และผลิตภัณฑ์อาหารคิดเป็นสัดส่วน 36% 49% และ 11% ของรายได้รวมตามลำดับ
มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มและสร้างตราสินค้าของตนเอง
บริษัทมีกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มและสร้างตราสินค้าของตนเองเพื่อช่วยเพิ่มผลกำไรและลดผลกระทบบางส่วนจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์
บริษัทได้ตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหารขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 บริษัทมียอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มคิดเป็นสัดส่วน 11% ของรายได้รวม ทั้งนี้ บริษัทมีแผนในการออกผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ ให้มากขึ้นในอนาคต
ผลจากความพยายามในการส่งเสริมการขายช่วยสนับสนุนการสร้างตราสินค้าของบริษัท ความตระหนักในตราสินค้าสร้างความได้เปรียบให้แก่บริษัทเนื่องจากลูกค้ามักจะเลือกตราสินค้าที่ไว้วางใจได้มากกว่า สำหรับตลาดภายในประเทศนั้นบริษัทมีตราสินค้า 2 ตราคือ “เอสเพียว” (S-Pure) และ “เบทาโกร” (Betagro) โดยเอสเพียวเป็นตราสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ในขณะที่เบทาโกรเป็นตราสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์มาตรฐาน
สภาพคล่องที่บริหารจัดการได้
ในอีก 12 เดือนข้างหน้าบริษัทจะมีหุ้นกู้จำนวน 600 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระและบริษัทจะมีการลงทุนอีกจำนวน 4,000 ล้านบาท ส่วนแหล่งเงินทุนนั้นจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 2,300 ล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกจำนวน 15,000 ล้านบาท บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั้งภายในและภายนอกได้ง่ายดังจะเห็นได้จากการที่บริษัทสามารถเพิ่มทุนได้ในเดือนพฤศจิกายน 2561 และออกหุ้นกู้ได้ในระหว่างปี 2559-2561 แม้สภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะมีแนวโน้มที่ไม่ค่อยสดใสก็ตาม
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าบริษัทจะนำมาตรฐานทางบัญชีแบบใหม่มาปรับใช้กับวิธีการรับรู้รายได้จากสัญญาที่ทำไว้กับลูกค้าโดยจะไม่รวมรายได้จากเกษตรพันธะสัญญาซึ่งจะเริ่มปฏิบัติตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ดังนั้น รายได้ของบริษัทในปี 2562 จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ -8% แต่จะเพิ่มขึ้นจนอยู่ที่ระดับ 10% ต่อปีในปี 2564 อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับรายได้ที่ไม่รวมรายได้จากเกษตรพันธะสัญญาของในปี 2561 แล้ว รายได้ของบริษัทในปี 2562 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 9%
• ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้น จนถึงระดับ 7.3% ในปี 2564 จากระดับ -0.5% ในปี 2561
• งบสำหรับการลงทุนขยายงานจะอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2561-2564 โดยพิจารณาจากข้อมูลงบประมาณของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในภาคเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยเอาไว้ได้ต่อไป ทั้งนี้ การลงทุนจำนวนมากที่ผ่านมาจะสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถปรับปรุงผลการดำเนินงาน ตลอดจนกระแสเงินสด และการชำระหนี้ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนได้ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากบริษัทมีการลงทุนโดยใช้เงินกู้จำนวนมากจนทำให้สถานะการเงินและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงมากไปกว่านี้
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550
?
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) (BTG)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BTG19NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A-
BTG207A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
BTG215A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
BTG227A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
BTG233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
BTG247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable