ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร ของ บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นซึ่งส่วนใหญ่มาจากผลของการมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่ดีขึ้น นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปขนาดกลางในประเทศไทย รวมถึงประวัติผลงานที่ได้รับการยอมรับของคณะผู้บริหาร ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และตลาด ตลอดจนภาระหนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนและการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็ง ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศผู้นำเข้า
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ประสบการณ์ที่ยาวนาน
บริษัทมีประสบการณ์ที่ยาวนานมากกว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพันธมิตรทางการค้าในธุรกิจอีกด้วย ผลงานที่ยาวนานกว่า 20 ปีแสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถผ่านพ้นวงจรธุรกิจมาได้เป็นอย่างดี บริษัทเป็นผู้ผลิตขนาดกลางในแต่ละตลาดที่บริษัทดำเนินธุรกิจโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ประมาณ 3%-4% ของยอดจำหน่ายรวมของอุตสาหกรรมในแต่ละตลาดดังกล่าว
ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และตลาด
บริษัทมีการสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นสู่ตลาดที่กว้างขวางขึ้นในหลายประเทศ การสร้างความหลากหลายในผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็ง ตลอดจนอาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์น้ำ ทำให้รายได้รวมของบริษัทมีความผันผวนน้อยลง ในปี 2560 บริษัทมียอดจำหน่ายรวมในส่วนของกุ้ง ปลาหมึก และปลาทรายแช่แข็งลดลง 16% เมื่อเทียบกับปี 2559 อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายโดยรวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 17% เนื่องจากยอดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์น้ำเพิ่มขึ้น 48% และ 32% ตามลำดับ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
บริษัทเริ่มผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2553 รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าในปี 2560 ประเทศไทยส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งสิ้นจำนวน 481,708 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีปริมาณส่งออก 275,040 ตัน ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ 8.3%
บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจอาหารสัตว์เนื่องจากบริษัทมีศูนย์วิจัยของตนเองพร้อมทั้งยังมีความร่วมมือกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ในการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ดังนั้น บริษัทจึงส่งออกอาหารสัตว์ในปี 2560 ได้ในปริมาณทั้งสิ้น 18,487 ตัน เมื่อเทียบกับ 6,167 ตันในปี 2556 หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ระดับ 32%
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากที่จำนวน 15,823 ตัน คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ระดับ 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงคิดเป็นสัดส่วนทั้งสิ้น 34% ของรายได้รวม
ในปี 2562-2564 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์คิดเป็น 33%-37% ของรายได้รวม บริษัทวางแผนจะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในตลาดส่งออกสำคัญ 2 แห่ง คือ สหภาพยุโรปและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน อนึ่ง บริษัทจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งแบบแห้งและแบบเปียกผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของกิจการร่วมค้าของบริษัท
อัตราการทำกำไรปรับตัวดีขึ้น
อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้นั้นปรับตัวดีขึ้นเป็นระดับประมาณ 7% ในช่วงปี 2560 จนถึง 9 เดือนแรกของปี 2561 เมื่อเทียบกับระดับ 5.2%-6.7% ในช่วงปี 2558-2559 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผลิตภัณฑ์ในปี 2560 โดยมีการจำหน่ายกุ้งแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ผลิตภัณฑ์กุ้งที่มีมูลค่าเพิ่มและอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงก็มีอัตรากำไรที่มากกว่าสินค้าปกติ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน โดยปรับขึ้นเป็น 524-711 ล้านบาทในช่วงปี 2560 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 เมื่อเทียบกับ 490-590 ล้านบาทในปี 2559-2560 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 7% ในขณะที่ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 670-720 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2564
?
ภาระหนี้จะปรับตัวลดลง แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง
อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทปรับตัวลดลงเหลือ 54.0% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 จากเดิมที่อยู่ในระดับประมาณ 58% ในปี 2559-2560 จากความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทที่ลดลง บริษัทวางแผนจะใช้เงินลงทุนจำนวนมากซึ่งรวมถึงการซื้อกิจการส่วนหนึ่งซึ่งตั้งงบไว้ทั้งสิ้น 300-600 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2561-2562 เมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ประมาณ 120-200 ล้านบาทต่อปีที่บริษัทใช้ในระหว่างปี 2556-2560 อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนจะทยอยปรับตัวลดลงในช่วงปี 2563-2564 ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 53%-55% ต่อไปในระหว่างปี 2561-2563
สภาพคล่องที่เพียงพอ
สภาพคล่องของบริษัทจะยังคงเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่า กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทจะอยู่ในช่วงประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2561-2564 กระแสเงินสดจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะมีเสถียรภาพซึ่งจะสามารถชดเชยกับความผันผวนของกระแสเงินสดจากสินค้าโภคภัณฑ์ได้
ณ เดือนกันยายน 2561 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดทั้งสิ้น 58 ล้านบาทและมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 1,600 ล้านบาท บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 534 ล้านบาท ดังนั้น ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทจึงน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่รับได้
ในอนาคตคาดว่ายอดจำหน่ายของบริษัทจะมีความผันผวนที่น้อยลงจากสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นและรายได้จากธุรกิจอาหารแช่แข็งที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 13%-18% ในช่วงปี 2561-2564 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 4-5 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลง 3% ในปี 2561 ตามการลดลงของปริมาณการจำหน่าย อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นและเติบโตที่ระดับ 4% ต่อปีในระหว่างปี 2562-2564
• อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 7% ในช่วงปี 2561-2564
• ค่าใช้จ่ายส่วนทุนและเงินลงทุนรวมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 300 ล้านบาทในปี 2561 และจะอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2562-2564
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงปรับตัวดีขึ้นตามแผน ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตตั้งอยู่บนสมมติฐานความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วให้อยู่ที่ระดับ 50%-55% ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า และคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอและจัดการความเสี่ยงในการหาแหล่งเงินทดแทนได้อย่างเหมาะสม
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในระยะใกล้นี้ยังไม่มีเนื่องจากผลของอันดับเครดิตในระดับปัจจุบัน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัด หรือบริษัทมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงกว่าคาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ในขณะเดียวกัน หากระดับการก่อหนี้เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลทำให้งบการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญและทำให้เงินสดส่วนเกินที่รองรับการชำระหนี้ถดถอยลงก็ถือว่าเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html