ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A” โดยการประกาศผลดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ING Groep N.V. (ING) และ The Bank of Nova Scotia (BNS) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อดำเนินการรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต
รายละเอียดธุรกรรม
ในการนี้ ธนาคารทหารไทยคาดว่าการรวมกิจการจะต้องใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 130,000-140,000 ล้านบาทโดยจะมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 70% และจากการกู้ยืมอีก 30% (ส่วนหนึ่งอาจมาจากสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารทหารไทย) ในส่วนของการออกหุ้นเพิ่มทุนนั้นจะประกอบไปด้วย 1) การออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคารทหารไทย (ประมาณ 40,000-45,000 ล้านบาท) และ 2) การออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บริษัททุนธนชาตและ BNS โดยคิดมูลค่าหุ้นเท่ากับ 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชีล่าสุดของธนาคารทหารไทย (ประมาณ 50,000-55,000 ล้านบาท)
จากแผนของธุรกรรมที่ประกาศสู่สาธารณชน การรวมกิจการจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของธนาคารธนชาตเท่านั้น โดยธนาคารธนชาตจะต้องขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยส่วนใหญ่และเงินลงทุนอื่น ๆ ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคาร ในสัญญาการรวมกิจการกำหนดให้การขายเงินลงทุนกระทำโดยถือตามสัดส่วนของหุ้นที่ถือโดยบริษัททุนธนชาตและ BNS (บริษัททุนธนชาต 51% และ BNS 49%) ส่วนบริษัทย่อยของธนาคารธนชาตที่จะต้องมีการขายเงินลงทุนไปพร้อมกันด้วย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) (สัดส่วนการถือหุ้น 100%) บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (65%) บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) (100%) และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ที เอส จำกัด (100%) ส่วนธนาคารธนชาตนั้นก็ต้องลดขนาดของธุรกิจลงให้อยู่ในระดับเดียวกับของธนาคารทหารไทยในช่วงก่อนการรวมกิจการด้วยเช่นกัน
หากการรวมกิจการสำเร็จก็คาดว่า ING และบริษัททุนธนชาตจะถือหุ้นในสัดส่วนมากกว่า 20% ในธนาคารใหม่ที่จะเกิดจากการรวมกิจการ ในขณะที่กระทรวงการคลังน่าจะถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่า 20% ส่วน BNS นั้นก็คาดว่าจะถือหุ้นส่วนน้อย
อนึ่ง การตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ (Due Diligence) ของทั้งสองธนาคารที่จะมีการรวมกิจการจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือน ในขณะที่การออกหุ้นเพิ่มทุนคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 นี้ ทั้งนี้ ธุรกรรมดังกล่าวยังต้องผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องซึ่งประกอบไปด้วยกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงผู้ถือหุ้นของทั้งสองธนาคารอีกด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารธนชาตจะสามารถดำรงสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักเอาไว้ได้และจะยังคงรักษาฐานทุน ตลอดจนความสามารถในการทำกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารธนชาตในการยกระดับสถานะทางธุรกิจจากการขยายส่วนแบ่งทางการตลาด รวมทั้งเพิ่มการกระจายตัวของเงินให้สินเชื่อ และเพิ่มความสามารถในการหาแหล่งเงินทุน ในทางกลับกัน สถานะเครดิตของธนาคารอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารเสื่อมถอยลงหรือสัดส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารอ่อนแอลง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการในการจัดอันดับเครดิตธนาคารพาณิชย์, 30 มีนาคม 2560
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TBANK24DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 13,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A
TBANK25NA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 7,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable