ทริสเรทติ้งประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ “A-” ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ING Groep N.V. (ING) และ The Bank of Nova Scotia (BNS) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อดำเนินการรวมกิจระหว่างธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต
ทริสเรทติ้งยังคงเห็นความไม่แน่นอนของธุรกรรมดังกล่าว ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก่อนหน้านี้ เนื่องจากการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ (Due Diligence) ของทั้ง2 ธนาคารจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือน และยังต้องผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องซึ่งประกอบไปด้วยกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 ธนาคาร ซึ่งหากธุรกรรมดังกล่าวได้รับความเห็นชอบ กระบวนการรวมกิจการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2562 นี้
อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของบริษัทยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากการประกาศเครดิตพินิจในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม โดยวิธีการจัดอันดับเครดิตของทริสเรทติ้ง จึงได้ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ต่ออันดับเครดิตของบริษัท โดยอันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหรือไม่เปลี่ยนแปลงจากในระดับปัจจุบัน เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทอาจจะไม่ได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงกับธนาคารธนชาตซึ่งปัจจุบันเป็นธนาคารแม่ที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทเมื่อมีการรวมธนาคารธนชาตและธนาคารทหารไทยเป็นธนาคารใหม่ และ/หรือ บริษัทกลายเป็นบริษัทย่อยที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัททุนธนชาต ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการทางการเงินและสถานะของบริษัทเอง และ/หรือ ความสัมพันธ์กับบริษัททุนธนชาต
ทริสเรทติ้งคาดว่าจะสามารถทบทวนเครดิตพินิจของบริษัทได้หากธุรกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นหรือมีข้อมูลเพียงพอที่จะทำการวิเคราะห์ในเชิงลึกและสามารถให้ข้อสรุปต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้
รายละเอียดธุรกรรม
จากแผนของธุรกรรมที่ประกาศสู่สาธารณชน การรวมกิจการจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของธนาคารธนชาตเท่านั้น โดยธนาคารธนชาตจะต้องขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยส่วนใหญ่และเงินลงทุนอื่น ๆ ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารในปัจจุบันตามสัดส่วนการถือหุ้น (บริษัททุนธนชาต 51% และ BNS 49%) การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทราชธานีลิสซิ่ง ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารธนชาตเป็นผู้ถือหุ้น 65% โดยจะต้องมีการขายเงินลงทุนของบริษัทไปพร้อมกับบริษัทย่อยอื่น ๆ ของธนาคารธนชาตด้วย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) (100%) บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) (100%) และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ ที เอส จำกัด (100%) ซึ่งท้ายที่สุดแล้วคาดว่าบริษัทจะกลายเป็นบริษัทร่วมหรือบริษัทย่อยของบริษัททุนธนชาต หากธุรกรรมดังกล่าวสำเร็จตามแผน
ธนาคารทหารไทยคาดว่าการควบรวมกิจการจะต้องใช้เงินลงทุนมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 130,000-140,000 ล้านบาทโดยจะมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วน 70% และจากการกู้ยืมอีก 30% (ส่วนหนึ่งอาจมาจากสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารทหารไทย) ในส่วนของการออกหุ้นเพิ่มทุนนั้นจะประกอบไปด้วย 1) การออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคารทหารไทย (ประมาณ 40,000-45,000 ล้านบาท) และ 2) การออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บริษัททุนธนชาตและ BNS โดยคิดมูลค่าหุ้นเท่ากับ 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชีล่าสุดของธนาคารทหารไทย (ประมาณ 50,000-55,000 ล้านบาท)
หากการควบรวมกิจการสำเร็จก็คาดว่า ING และบริษัททุนธนชาตจะถือหุ้นในสัดส่วนรายละมากกว่า 20% ในธนาคารใหม่ที่จะเกิดจากการรวมกิจการ ในขณะที่กระทรวงการคลังน่าจะถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่า 20% ส่วน BNS นั้นก็คาดว่าจะถือหุ้นในสัดส่วนเพียงเล็กน้อยในธนาคารใหม่
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
?
บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (THANI)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
THANI201A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,510 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI203A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI206A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI209B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 665 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI20DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI20DB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI20DC: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-
THANI211A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 175 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
THANI212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
THANI212D: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 720 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
THANI221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,070 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
แนวโน้มเครดิตพินิจ: Negative