ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 จำกัด ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงิน 3,350 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วย
อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แน่นอนที่บริษัทได้รับจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) และผลงานที่ได้รับการยอมรับในการบริหารโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซพลังความร้อนร่วม (Gas-fired Combined-cycle Cogeneration Power Plant) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดบางส่วนจากความเสี่ยงจากการที่บริษัทมีโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียว
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
กระแสเงินสดที่แน่นอนจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ.
บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. จำนวน 90 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 25 ปีภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก โดย กฟผ.
ตกลงรับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำจำนวน 80% ของกำลังการผลิตตามสัญญาซึ่งคำนวณจากจำนวนชั่วโมงที่สามารถดำเนินงานได้ตามเงื่อนไขมาตรฐานของสัญญา ด้วยลักษณะสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบไม่ใช้ก็ต้องจ่าย (Take-or-pay Basis) ทำให้บริษัทได้รับกระแสเงินสดที่มั่นคง นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับ กฟผ. ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านราคาเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอีกด้วยเนื่องจากสัญญาดังกล่าวมีสูตรคำนวณค่าไฟฟ้าที่มีการปรับปรุงการเปลี่ยนแปลงของราคาเชื้อเพลิงและความ
ผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
บริษัทยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับลูกค้าอุตสาหกรรมรายหนึ่งในสวนอุตสาหกรรมบางกะดีอีกจำนวน 14 เมกะวัตต์ โดยสัญญาที่มีกับลูกค้ารายนี้มีการกำหนดปริมาณการรับซื้อขั้นต่ำไว้ด้วย ทั้งนี้ อัตราค่าไฟฟ้าที่บริษัทเรียกเก็บจากลูกค้าดังกล่าวจะอิงกับอัตราค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่เรียกเก็บจากกิจการขนาดใหญ่ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการปรับราคาเพื่อสะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงผ่านค่าใช้จ่ายที่แปรผันในการผลิตไฟฟ้าหรือค่า Ft
บริษัทยังมีสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ระยะเวลา 25 ปี ซึ่งเท่ากับอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับ กฟผ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงด้านอุปสงค์ของก๊าซธรรมชาติอีกด้วย
บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าในปริมาณราว 600-700 ล้านหน่วยต่อปี โดยจำหน่ายให้ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายทั้งหมด ส่วนไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7% และส่วนที่เหลือจำหน่ายให้แก่ บริษัท บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 จำกัด เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าของกลุ่ม
เทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้วช่วยลดความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน
โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของบริษัทใช้เทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว โดยกังหันก๊าซ GE-LM6000PD ที่ผลิตโดย GE Power (GE) นั้นเป็นที่ยอมรับในด้านประสิทธิภาพเป็นอย่างดี ซึ่ง GE ได้ผลิตและจำหน่ายกังหันก๊าซรุ่นนี้ไปแล้วกว่า 1,000 ชุดและมีชั่วโมงการทำงานมากกว่า 2 ล้านชั่วโมง ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าของบริษัทประกอบด้วยหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันก๊าซจำนวน 2 ชุด ชุดกำเนิดไอน้ำ (Heat Recovery Steam Generator) จำนวน 2 ชุด และหน่วยผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำซึ่งผลิตโดย Siemens อีกจำนวน 1 ชุด
ความสามารถในการบริหารโรงไฟฟ้าที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว
บริษัทมีผลงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการบริหารโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซพลังงานความร้อนร่วม โดยบริษัทมีกลุ่มบุคลากรของตนเองในการดำเนินงานและซ่อมบำรุงประจำวันซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญจาก บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท โดยบริษัท บี. กริม เพาเวอร์นั้นมีความเชี่ยวชาญในการบริหารและซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซพลังความร้อนร่วม
บริษัทยังได้ลงนามในสัญญาซ่อมบำรุงกังหันก๊าซระยะยาวกับ IHI Corporation (IHI) เป็นระยะเวลา 8 ปีเพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานและควบคุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงอีกด้วย โดยสัญญาดังกล่าวมีทางเลือกให้สามารถต่ออายุสัญญาออกไปได้อีกซึ่งขึ้นอยู่กับความตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทและ IHI
?
นับตั้งแต่เริ่มดำเนินงานในปี 2558 โรงไฟฟ้าของบริษัทก็มีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามาโดยตลอด บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วน 90% ของไฟฟ้าที่จำหน่ายทั้งหมด ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. จำนวน 643 ล้านหน่วย ส่วนลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมนั้นบริษัทจำหน่ายให้จำนวน 49 ล้านหน่วย และจำหน่ายให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องอีกจำนวน 22 ล้านหน่วยเพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า โรงไฟฟ้าของบริษัทมีดัชนีความพร้อมอยู่ที่ 95.3% และมีอัตราความร้อนที่ขนาด 7,741 บีทียูต่อหน่วย ซึ่งดีกว่าอัตราความร้อนอ้างอิงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับ กฟผ. ที่ขนาด 8,000 บีทียูต่อหน่วย ส่วนในด้านของประสิทธิภาพการใช้พลังงานนั้น โรงไฟฟ้าของบริษัทบรรลุดัชนีชี้วัดความสามารถในการใช้พลังงานปฐมภูมิในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนร่วมกัน (Primary Energy Saving -- PES) ทำให้ได้รับค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมจากค่าการประหยัดการใช้เชื้อเพลิง (Fuel Saving -- FS) ที่อัตรา 0.36 บาทต่อหน่วยจาก กฟผ.
ผลการดำเนินงานทางการเงินเป็นไปตามความคาดหมาย
ในปี 2560 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 2,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,823 ล้านบาทในปี 2559 และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเท่ากับ 599 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 456 ล้านบาทในปี 2559 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่โรงไฟฟ้าของบริษัทกลับมาดำเนินงานได้เต็มเวลาในปี 2560
ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับเพียงพอ
ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่เพียงพอต่อการชำระคืนหนี้ ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2561 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงิน 3,350 ล้านบาท โดยได้นำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปจ่ายชำระคืนหนี้เงินกู้โครงการทั้งหมดที่มีกับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ในตารางการชำระคืนเงินต้นของหุ้นกู้นั้นมีการกำหนดให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่บริษัทได้รับจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีอยู่ ทั้งนี้ ในช่วงปี 2561-2564 บริษัทจะมีภาระในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยประมาณปีละ 220-340 ล้านบาท ซึ่งประมาณการกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทที่ปีละ 480-540 ล้านบาทนั้นเพียงพอต่อการชำระหนี้
ระดับโครงสร้างเงินทุนเป็นที่ยอมรับได้
ทริสเรทติ้งคาดว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นตามการทยอยชำระคืนเงินต้นของหุ้นกู้ หนี้สินทางการเงินที่บริษัทรายงานจะลดลงเป็น 2,800 ล้านบาทในปี 2564 จาก 3,300 ล้านบาทในปี 2560 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจะอยู่ที่ 60% ในปี 2564 จากที่ระดับ 66% ในปี 2560 และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4เท่าในปี 2565
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• ในช่วงปี 2561-2564 โรงไฟฟ้าของบริษัทจะมีค่าดัชนีความพร้อมในระดับ 91%-96%
• บริษัทจะจำหน่ายไฟฟ้าได้ประมาณปีละ 640-715 ล้านหน่วย
• ในช่วงปี 2561-2564 บริษัทจะมีรายได้อยู่ในช่วง 2,000-2,1000 ล้านบาทต่อปี จะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายประมาณ 480-540 ล้านบาทต่อปี และจะมีเงินสดในมือประมาณ 600-800 ล้านบาท
• บริษัทจะมีต้นทุนทางการเงินในช่วงประมาณการที่ปีละ 130-230 ล้านบาท
• บริษัทจะมีเงินลงทุนเพื่อการซ่อมบำรุงปีละ 20 ล้านบาท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำเนินงานโรงไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นและสามารถสร้างผลกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายที่ประมาณ 480-540 ล้านบาทต่อปี
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังค่อนข้างมีจำกัดในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้า ส่วนการปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทมีผลการดำเนินงานหรือสถานะทางการเงินที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัท
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550
?
บริษัท บี. กริม บีไอพี เพาเวอร์ 1 จำกัด (BIP1)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงิน 3,350 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2576 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable