ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่าไม่เกิน 70,000 ล้านบาทและครบกำหนดไถ่ถอนภายในปี 2564 ของ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่ธนาคารมีธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ที่มีความมั่นคงรวมถึงเงินกองทุนและรายได้ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดจากธุรกิจธนาคารที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก และการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีขนาดค่อนข้างเล็กโดยมีจุดแข็งในด้านสินเชื่อรถยนต์
ธนาคารทิสโก้เป็นบริษัทย่อยหลักของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือหุ้นธนาคารในสัดส่วน 99.99% ธนาคารทิสโก้เป็นธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กจากขนาดของสินทรัพย์รวมในปี 2561 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 2.0% และเงินรับฝาก 1.6% ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น 11 แห่งในปี 2561 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิและเงินปันผลคิดเป็น 74.1% ของรายได้รวมในปี 2561 สัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ซึ่งมีสัดส่วน 19.6% ของรายได้รวม
กลุ่มทิสโก้เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รายสำคัญ จากฐานข้อมูลของทริสเรทติ้งระบุว่า กลุ่มทิสโก้มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 8.6% เป็นอันดับ 4 ในกลุ่มผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศไทยจำนวน 18 รายในปี 2560
ธุรกิจลูกค้ารายย่อยที่ยังมีสินเชื่อรถยนต์เป็นหลัก
ทริสเรทติ้งคาดว่า กลุ่มทิสโก้จะยังคงมุ่งเน้นการใช้ความชำนาญในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มาใช้ในการปล่อยสินเชื่อค้ำประกันทะเบียนรถยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงต่อไป สินเชื่อค้ำประกันทะเบียนรถยนต์ประกอบด้วยสินเชื่อที่ออกให้ทั้งที่ธนาคารทิสโก้ และที่ บริษัท ไฮเวย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม ภายใต้ชื่อ “สมหวัง เงินสั่งได้” โดยสินเชื่อค้ำประกันทะเบียนรถยนต์ของกลุ่มมีอัตราการเติบโตทบต้นเฉลี่ยสูงถึง 18.5% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
กลยุทธ์ของธนาคารทิสโก้ที่จะขยายธุรกิจสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยอื่นโดยการซื้อธุรกิจลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในปี 2560 เป็นปัจจัยบวกในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้ารายย่อยดังกล่าวประกอบด้วยลูกค้าบัตรเครดิต ลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล ลูกค้าสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อที่ใช้บ้านเป็นหลักประกัน รวมถึงลูกค้าเงินฝากรายย่อยซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของกลุ่มได้ในระดับหนึ่ง ในขณะที่การขายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลออกไปอาจเป็นปัจจัยจำกัดโอกาสในการขยายธุรกิจลูกค้ารายย่อยของธนาคาร แต่ทริสเรทติ้งก็มองว่าการขายธุรกิจดังกล่าวออกไปยังช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านเครดิตของธนาคารได้ด้วย
มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าธนาคารทิสโก้มีสถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งหลาย โดยประมาณการอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารทิสโก้อยู่ที่ระดับ 17%-18% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าซึ่งเพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจ ทริสเรทติ้งยังมีสมมติฐานว่าธนาคารจะมีการเติบโตของสินเชื่อที่ระดับประมาณ 5% ต่อปี และจะมีอัตราส่วนเงินปันผลที่ระดับ 65%-75% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ เงินกองทุนชั้นที่ 1 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 78% ของเงินกองทุนรวม ณ สิ้นปี 2561 บ่งชี้ถึงคุณภาพเงินกองทุนของธนาคารซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง
รายได้ที่แข็งแกร่งช่วยส่งเสริมเงินกองทุน
ทริสเรทติ้งคาดว่าธนาคารทิสโก้จะคงความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงเพียงพอที่จะรองรับสภาวะความผันผวนตามวงจรธุรกิจได้ อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิต ที่อยู่ในระดับสูงและค่าใช้จ่ายการดำเนินการที่อยู่ในระดับต่ำเป็นปัจจัยเสริมความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของกลุ่ม
อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารที่ระดับ 1.7% ในปี 2561 นั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.3% ทริสเรทติ้งประมาณการว่าธนาคารทิสโก้จะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิตให้คงอยู่ในระดับสูงระหว่าง 3.3-3.4% เอาไว้ได้ซึ่งสะท้อนถึงสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง การขายธุรกิจสินเชื่อบุคคลออกไป และต้นทุนเครดิตที่อยู่ในระดับต่ำ โดยธนาคารมีอัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังหักต้นทุนทางเครดิตในปี 2561 อยู่ที่ระดับ 3.2% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.1% ทริสเรทติ้งยังประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมของธนาคารในระดับ 44%-45% ซึ่งสะท้อนถึงเงินลงทุนในระบบ IT ในระยะ 3 ปีข้างหน้าด้วย
?
คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ดี
ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าธนาคารทิสโก้จะสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในเกณฑ์ดีโดยรวมได้ โดยพิจารณาจากการบริหารความเสี่ยงที่ดีและนโยบายการขยายสินเชื่อที่ระมัดระวัง ซึ่งส่งผลทำให้ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมในระดับค่อนข้างต่ำและมีอัตราส่วนการตั้งสำรองอยู่ในระดับสูง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคาร ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 2.67% เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.16% ซึ่งเป็นผลกระทบชั่วคราวจากการปรับปรุงระบบการจัดชั้นและการรับรู้รายได้ของสินเชื่อประเภทผ่อนชำระ อันประกอบด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของสินเชื่อดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะกลับมาเป็นปกติภายในช่วงกลางปี 2563 หลังจากการปรับปรุงระบบเสร็จสิ้น
ทริสเรทติ้งยังคาดว่าปัจจัยกดดันที่มีต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจะมีค่อนข้างจำกัดในระยะ 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากธนาคารมีความเสี่ยงจากการปล่อยกู้กลุ่มลูกหนี้ที่มีความอ่อนไหวต่อสภาวะทางเศรษฐกิจ เช่น สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อที่อยู่อาศัยในสัดส่วนน้อย อีกทั้งยังไม่มีความเสี่ยงจากสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล สำหรับพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อส่วนใหญ่นั้นเป็นการปล่อยกู้สำหรับการซื้อรถใหม่ซึ่งมีคุณภาพสินทรัพย์โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดี
มีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมในระดับสูง
แหล่งเงินทุนของธนาคารสะท้อนถึงแหล่งเงินทุนของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กซึ่งมีสัดส่วนของฐานเงินฝากรายย่อยที่ค่อนข้างน้อย สัดส่วนเงินฝากต่อแหล่งเงินทุนรวมเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 78.5% ณ สิ้นปี 2561 จาก 72.9% ในปีก่อน อัตราส่วนบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ (Current Account-Savings Account -- CASA) ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 29.4% จาก 37.7% ในช่วงเวลาเดียวกันในขณะที่เงินฝากประจำเติบโตเพิ่มขึ้น อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากซึ่งลดลงสู่ระดับ 121% ในปี 2561 จากระดับ 135% ในปีก่อนก็จัดว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทย อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของเงินฝากประจำและการลดลงของเงินกู้ยืมในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเป็นผลมาจากการปฏิบัติตามเกณฑ์การดำรงแหล่งที่มาของเงินให้สอดคล้องกับการใช้ไปของเงิน (Net Stable Funding Ratio -- NSFR) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเพื่อเป็นการบริหารต้นทุนทางการเงินในระยะยาวของธนาคาร ส่วนภาระหนี้จากการกู้ยืมที่เหลือนั้นก็เป็นนโยบายในการระดมเงินจากแหล่งทุนที่ยืดหยุ่นของธนาคาร
สภาพคล่องเพียงพอ
สภาพคล่องของธนาคารทิสโก้มีเพียงพอ อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 21.1% ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์ไทยอื่น ๆ อัตราส่วนสภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) อยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ แต่อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 158% ของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็ก และที่ระดับ 183% ของธนาคารพาณิชย์ตามตัวเลขที่ ธปท. รายงาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ต่อไปนี้คือสมมติฐานที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารทิสโก้ในระหว่างปี 2562-2564
• อัตราการเติบโตของสินเชื่อจะอยู่ที่ระดับ 5.0%-5.5%
• ต้นทุนทางเครดิตจะอยู่ที่ระดับ 0.6%-0.8%
• อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมจะอยู่ที่ระดับ 2.1%-2.4%
• อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 จะอยู่ที่ระดับ 17%-18%
• อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิตจะอยู่ที่ระดับ 3.3%-3.4%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารทิสโก้จะยังคงดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ตลอดจนรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีรายได้และมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งต่อไปได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารทิสโก้ในการรักษาความแข็งแกร่งของเงินกองทุน รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และ/หรือเพิ่มความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนที่มีความมั่นคงได้ อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ เงินกองทุน และ/หรือความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html