ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A+” ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการดำเนินกิจการ และ/หรือชำระคืนหนี้ และ/หรือให้กู้ยืมแก่บริษัทในกลุ่ม บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต “A+/Stable” จากทริสเรทติ้ง) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของประเทศ ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการดำเนินงานของบริษัทที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับการดำเนินงานของ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ซึ่งเป็นบริษัทแม่และการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่บริษัทได้รับจากบริษัทแม่ด้วย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร โดยทำหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจสัตว์บกแบบครบวงจรในประเทศไทย ในปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 146,983 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 27% ของรายได้รวมของ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) วงจรขาลงของธุรกิจสัตว์บกในประเทศส่งผลทำให้บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลงเหลือเพียง 2,480 ล้านบาทในปี 2561 (คิดเป็นสัดส่วน 5% ของบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร) ทั้งที่ในปีปกตินั้นบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายคิดเป็นสัดส่วน 15%-25% ของบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงการดำเนินงานที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกันกับบริษัทแม่ ตลอดจนการได้รับการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ จากบริษัทแม่ ทั้งนี้จากการที่บริษัทแม่ถือหุ้นเกือบทั้งหมดในบริษัท บริษัทแม่จึงมีส่วนในการกำหนดทิศทางและการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงและส่งตัวแทนมาเป็นกรรมการของบริษัท บริษัทแม่ยังช่วยในเรื่องการจัดจำหน่ายสินค้าและการตลาดสำหรับสินค้าของบริษัทในตลาดส่งออก อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการจัดหาวัตถุดิบต่าง ๆ ให้อีกด้วย โดยบริษัทสามารถสั่งซื้อวัตถุดิบได้จาก บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารผ่านทางบริษัทย่อยต่าง ๆ รวมทั้งซื้อจากบริษัทภายนอกที่ได้รับการแนะนำจากบริษัทแม่
ผลประกอบการอ่อนแอลงจากราคาสัตว์บกที่อยู่ในช่วงวงจรขาลง
ผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานส่วนเกินของสัตว์บกในประเทศที่ยาวนาน ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2561 ราคาสุกรลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีก่อนที่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวในช่วงกลางปี ในขณะที่ราคาไก่ก็ลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในช่วงต้นปี 2561 ด้วยเช่นกันและยังคงอยู่ในระดับต่ำไปตลอดทั้งปี ส่งผลทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.6% ในปี 2561 จากระดับ 4.1% ในปี 2560 และระดับ 8.2% ในปี 2559 ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทนั้นลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2,480 ล้านบาทในปี 2561 จากระดับ 5,832 ล้านบาทในปี 2560 และระดับ 12,121 ในปี 2559
แม้ว่ากำไรในช่วงที่ผ่านมาจะตกต่ำ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าราคาสุกรจะเพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์จะยังคงทรงตัว ความต้องการไก่ในตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดอุปทานไก่ส่วนเกินภายในประเทศลงได้ ทั้งนี้ราคาไก่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงต้นปี 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าราคาไก่จะค่อยๆปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วงปี 2562-2564 รายได้จากการดำเนินงานรวมบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 154,000-163,000 ล้านบาทและกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับ 8,000-11,000 ล้านบาทต่อปี
ภาระหนี้อยู่ในระดับสูงและกระแสเงินสดอ่อนแอลง
เงินลงทุนจำนวนมากและผลประกอบการที่อ่อนแอลงส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น หนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 75,889 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 จากระดับ 66,565 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทค่อนข้างคงที่ที่ระดับ 60.1% ในปี 2561 เนื่องจากบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารได้ทำการเพิ่มทุนให้แก่บริษัทจำนวนประมาณ 9,600 ล้านบาทในปีเดียวกัน การเพิ่มทุนช่วยส่งผลบวกต่ออัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุน
กระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงในปี 2561 จากภาวะของราคาสัตว์บกที่ตกต่ำ อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.0 เท่าในปี 2561 จากระดับ 3.2 เท่าในปี 2560 และ 8.1 เท่าในปี 2559 ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.4% ในปี 2561 จากระดับ 6.2% ในปี 2560 และ 14.2% ในปี 2559
ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับหนี้สินของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปในอนาคต โดยประมาณการว่าบริษัทจะใช้งบสำหรับการลงทุนขยายงานจำนวนประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี และเมื่อรวมกับการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จำนวน 17,000 ล้านบาทแล้วทำให้คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 65% ในช่วงปี 2562-2564 โดยที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ระดับ 2-3 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
เป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์สัตว์บก
บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจสัตว์บกของประเทศโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจอาหารสัตว์ภายในประเทศประมาณ 1 ใน 3 และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจไก่ประมาณ 25% ของปริมาณไก่ที่ผลิตภายในประเทศและ 18% ของปริมาณสุกรที่ผลิตภายในประเทศ ทั้งนี้ บริษัทได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากจากการประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ผลิตที่ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม
เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทแม่ บริษัทจึงมุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มโดยใช้ตราสินค้า “ซีพี” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารส่วนใหญ่ของบริษัท กลยุทธ์ดังกล่าวช่วยให้บริษัทสามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันในตลาดสินค้าที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มอาหารแช่แข็งและอาหารสดลงได้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของตนเองอีกด้วย โดยในปลายปี 2561 บริษัทและบริษัทลูกคือ บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นเจ้าของซุ้มขาย “ไก่ย่าง 5 ดาว” จำนวน 4,328 แห่ง ร้าน “ซีพี เฟรช มาร์ท” จำนวน 396 สาขา ร้าน “ซีพี คิทเช่น” จำนวน 5 แห่ง และ “ซีพี ฟู้ดเวิลด์” จำนวน 20 สาขา
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• รายได้ของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 3%-5% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า
• อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ในช่วงระหว่าง 9%-10% และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ระดับประมาณ 4%-6%
• ค่าใช้จ่ายลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 10,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า
แนวโน้มอันดับเครดิตและปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะบริษัทย่อยรายสำคัญที่ดำเนินธุรกิจสัตว์บกแบบครบวงจรในประเทศไทยของกลุ่ม บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารต่อไป โดยที่อันดับเครดิตของบริษัทขึ้นอยู่กับสถานะเครดิตของ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร เป็นสำคัญ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใดใดที่เกี่ยวเนื่องกับอันดับเครดิตของ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html