ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็น “BB-” จาก “BB” และปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Negative” หรือ “ลบ” จาก “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตที่ลดลงสะท้อนถึงผลประกอบการทางการเงินของบริษัทในปี 2561 ที่อ่อนแอกว่าคาดและคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง โดยที่การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงอัตราการก่อหนี้ของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางด้านเครดิตของบริษัทยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อ ในขณะที่แหล่งเงินทุนที่จำกัดและกระแสเงินสดรับที่ไม่แน่นอนก็อาจเพิ่มความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระยะสั้นและเป็นอุปสรรคในการเติบโตของธุรกิจในระยะปานกลางได้
แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าความเสี่ยงที่ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทจะถดถอยลงในระยะ 12 เดือนข้างหน้าจะยังคงมีอยู่จากสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
การก่อหนี้ปรับตัวดีขึ้น
ทริสเรทติ้งคาดหมายว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะลดลงในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงไปอยู่ที่ 2.9 เท่า ณ สิ้นปี 2560 และปี 2561 จาก 3.7 เท่า ณ สิ้นปี 2559 อันเป็นผลมาจากการลดลงอย่างมากของหนี้สินและการเพิ่มขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้นจากการสะสมผลกำไรที่แข็งแรงในปี 2559-2560 บริษัทได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินซึ่งต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ไม่เกิน 6 เท่า ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ได้ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้าเนื่องจากการกู้ยืมมีแนวโน้มลดลง
ความสามารถในการทำกำไรน่าจะยังคงอ่อนแอ
ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในอีก 2 ปีข้างหน้าโดยเป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจสินเชื่อซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ทริสเรทติ้งเชื่อว่าแหล่งเงินทุนที่จำกัดมีผลต่อการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อและอาจจะเพิ่มต้นทุนทางการเงิน ในขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอจะส่งผลกดดันต่อการรับรู้รายได้ของบริษัท กำไรสุทธิของบริษัทปรับลดลงเหลือ 62 ล้านบาทในปี 2561 จาก 243 ล้านบาทในปี 2560 หรือลดลง 75% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของรายได้ดอกเบี้ยและการมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าโอกาสที่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะปรับดีขึ้นอย่างมากในระยะสั้นนั้นยังมีความเป็นไปได้ต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
แหล่งเงินทุนที่ไม่กระจายตัว
บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินในระดับที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ๆ เนื่องจากมีแหล่งเงินทุนที่จำกัด ในปัจจุบันบริษัทพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากฐานทุนและการออกหุ้นกู้และตั๋วแลกเงินให้แก่นักลงทุนกลุ่มเล็ก ๆ ผ่านการจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เป็นหลัก ณ เดือนธันวาคม 2561 บริษัทมีหุ้นกู้คงค้างทั้งสิ้น 3.3 พันล้านบาทและมีตั๋วแลกเงินรวมกับเงินกู้ระยะสั้นจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกันรวม 418 ล้านบาท บริษัทไม่มีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินอื่น ๆ แต่อย่างใด ซึ่งสิ่งนี้อาจส่งผลให้บริษัทประสบกับปัญหาขาดสภาพคล่องหากหนี้ที่ครบกำหนดไม่ได้รับการชำระคืนจากการกู้ยืมใหม่ได้ทันตามกำหนดเวลา นอกจากนี้ ประเด็นดังกล่าวยังอาจจำกัดการเติบโตของสินเชื่อของบริษัทและทำให้มีต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ด้วย
การเติบโตของสินเชื่อที่จำกัด
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเผชิญกับการเติบโตของสินเชื่อในอัตราที่ช้าลงในระยะ 3 ปีข้างหน้าจากการมีแหล่งเงินทุนที่จำกัด บริษัทมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อค่อนข้างคงที่มาตั้งแต่ปี 2561 หลังจากที่เติบโตลดลง 7.0% ในปี 2560 ณ เดือนธันวาคม 2561 สินเชื่อคงค้างของบริษัทมีขนาด 3.8 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นเนื่องจากธุรกิจของบริษัทเป็นธุรกิจที่มีข้อจำกัดในการเข้ามาประกอบการที่ต่ำหากผู้ประกอบการรายอื่นมีความสนใจที่จะให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท
คุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอและการกระจุกตัวของสินเชื่อ
ทริสเรทติ้งเห็นว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทมีความเปราะบางเนื่องจากคุณภาพเครดิตของลูกค้าที่อ่อนแอ ทั้งนี้ เนื่องจากลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มที่มีปัญหาด้านสภาพคล่องในระยะสั้นและไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารได้ การกระจุกตัวของสินเชื่อทำให้ทริสเรทติ้งมีความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์มากยิ่งขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2561 ลูกค้ารายใหญ่ 5 รายแรกมีสัดส่วนถึงครึ่งหนึ่งของสินเชื่อคงค้างทั้งหมดของบริษัท ซึ่งหากเกิดการผิดนัดชำระหนี้จากลูกค้าเพียงไม่กี่รายก็สามารถทำให้บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้นมาก ณ เดือนธันวาคม 2561 บริษัทมีลูกหนี้ 3 รายที่กลายเป็นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งคิดเป็น 24% ของสินเชื่อคงค้างและกำลังอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อเรียกรับชำระคืนหนี้แก่บริษัท ทั้งนี้ ในกรณีที่ขั้นตอนทางกฎหมายในการบังคับหลักประกันและขายทอดตลาดต้องใช้เวลามากก็อาจส่งผลกระทบต่อการจัดการด้านสภาพคล่องของบริษัท
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• อัตราการเติบโตของสินเชื่อโดยเฉลี่ยของบริษัทคาดว่าจะหดตัวลงในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
• อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 1.3 เท่าในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
• ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่ายโดยเฉลี่ยในระหว่างปี 2562-2564 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2561
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าความเสี่ยงที่ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทจะถดถอยลงในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะยังคงมีอยู่อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
แนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเป็น “Stable” หรือ “คงที่” ได้หากผลประกอบการทางการเงินของบริษัทมีสัญญาณว่าจะมีเสถียรภาพในขณะที่ความเสี่ยงด้านแหล่งเงินทุนมีการจัดการที่ดีในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากผลประกอบการทางการเงินของบริษัทปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยที่บริษัทสามารถกระจายพอร์ตสินเชื่อและแหล่งเงินทุนให้มากขึ้น ในทางกลับกัน ทริสเรทติ้งอาจปรับลดอันดับเครดิตลงหากผลกำไรและคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทยังคงเสื่อมถอยลงอย่างมากหรือสภาพคล่องมีสถานะที่อ่อนแอลง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html