ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ทรัพย์ศรีไทย” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 14, 2019 17:25 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจร้านอาหารและร้านอาหารบริการด่วน รวมถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสาร อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากความสามารถในการทำกำไรที่ต่ำ ความท้าทายในธุรกิจร้านอาหารและร้านอาหารบริการด่วน รวมถึงความไม่แน่นอนในการขยายธุรกิจร้านอาหารไปในต่างประเทศ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารสร้างกำไรที่สม่ำเสมอ

บริษัทมีประวัติผลงานที่ยาวนานและมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจคลังสินค้า ท่าเทียบเรือ และคลังเอกสาร บริษัทบริหารคลังสินค้าทั้งสิ้นจำนวน 32 แห่งและคลังเอกสารจำนวน 19 แห่ง โดยธุรกิจในส่วนดังกล่าวสร้างรายได้และกำไรที่ค่อนข้างสม่ำเสมอให้แก่บริษัทโดยคิดเป็น 11% ของรายได้รวมและ 30% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวมของกลุ่มในปี 2561

รายได้จากธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารเติบโต 19% โดยอยู่ที่ 390 ล้านบาทในปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทเริ่มให้บริการขนถ่ายสินค้าที่ท่าเทียบเรือเป็นปีแรกและจากการปรับเพิ่มอัตราค่าบริการสำหรับลูกค้าบางราย อัตรากำไรของธุรกิจคลังสินค้าและท่าเทียบเรือยังคงแข็งแกร่ง โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (ก่อนปรับปรุง) อยู่ที่ 114 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรที่ระดับ 29%

ตราสัญลักษณ์ร้านอาหารและร้านอาหารบริการด่วนที่เป็นที่รู้จัก

บริษัทพึ่งพาธุรกิจร้านอาหารและร้านอาหารบริการด่วนค่อนข้างมาก โดยรายได้ 84% และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในสัดส่วน 68% มาจากธุรกิจดังกล่าว ธุรกิจร้านอาหารของบริษัทประกอบด้วยร้านอาหารภายใต้ตราสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีโดยมีขอบเขตการกระจายตัวในระดับปานกลาง บริษัทดำเนินธุรกิจร้านอาหารแฟรนไชส์ผ่านบริษัทย่อยภายใต้ตราสัญลักษณ์ 3 ตรา ได้แก่ “ดังกิ้น โดนัท” ซึ่งเป็นร้านโดนัทและเครื่องดื่ม “โอ บอง แปง” ซึ่งเป็นร้านขนมอบหรือเบเกอรี่ และ “บาสกิ้น รอบบิ้นส์” ซึ่งเป็นร้านขายไอศกรีม นอกจากนี้บริษัทยังมีร้านอาหารซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของตนเองคือ “ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่” อีกด้วย สาขาร้านอาหารของบริษัทมีความครอบคลุมพื้นที่ในระดับปานกลางโดยมีสาขารวมทั้งสิ้น 418 สาขา

บริษัทยังประกอบธุรกิจแฟชั่นภายใต้ตราสัญลักษณ์ “เกรฮาวด์ ออริจินัล” และ “สไมลี่ฮาวด์” อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจแฟชั่นยังสร้างรายได้ในสัดส่วนที่น้อยโดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าจัดจำหน่ายคิดเป็นเพียง 2% เท่านั้น

มีฐานรายได้เล็กและมีความสามารถในการทำกำไรค่อนข้างต่ำ

บริษัทมีฐานรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ค่อนข้างเล็กกว่าและมีอัตรากำไรที่ค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยในปี 2561 ธุรกิจดังกล่าวสร้างรายได้ที่จำนวน 2,935 ล้านบาทและบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (ก่อนปรับปรุง) จำนวน 260 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรที่ระดับ 8.8%

รายได้จากธุรกิจร้านอาหารเติบโต 8.9% ในปี 2561 จากการที่ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ สาขาลอนดอนได้เปิดดำเนินงานเต็มปีเป็นปีแรกและมีการรวมผลการดำเนินงานเต็มปีของร้านอาหาร Le Grand Vefour เข้ามา อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรงจึงทำให้ยอดขายในสาขาเดิมปรับตัวลดลง 2.5% ในปี 2561

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเติบโตประมาณ 5% ต่อปีในช่วงปี 2562-2564 โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ได้แก่การเปิดสาขาภายในประเทศมากขึ้น รายได้จากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการให้แฟรนไชส์ และการเปิดร้านอาหารเพิ่มในประเทศฝรั่งเศส ทั้งนี้ อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (ก่อนปรับปรุง) ของบริษัทน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8%-9%

การขยายธุรกิจในต่างประเทศ

ร้านเกรฮาวด์สาขาแรกในต่างประเทศที่บริษัทบริหารเองเปิดดำเนินการเต็มปีเป็นปีแรกในปี 2561 แม้ร้านจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งชาวไทยและชาวอังกฤษ แต่บริษัทก็ยังมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายติดลบในปี 2561 ทั้งนี้ เนื่องจากยังมีการใช้พื้นที่นั่งบริเวณนอกร้านไม่เต็มที่ ประกอบกับบริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสูง แต่เดิมบริษัทวางแผนจะลงทุนเปิดสาขาเพิ่มในลอนดอนและเมืองอื่น ๆ ในทวีปยุโรปเอง แต่ภายหลังบริษัทเปลี่ยนแผนมาเป็นการขยายสาขาผ่านการให้แฟรนไชส์แทน ทำให้บริษัทไม่ต้องลงทุนมากในการเพิ่มสาขาแต่มีรายได้ค่าแรกเข้าและส่วนแบ่งรายได้จากร้านแฟรนไชส์ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้ให้สิทธิแฟรนไชส์ไปแล้วในหลายประเทศ โดย ณ สิ้นปี 2561 มีสาขาแฟรนไชส์ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ ทั้งสิ้น 17 สาขาซึ่งอยู่ในประเทศจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย รวมถึงฮ่องกง

ในช่วงปลายปี 2560 บริษัทได้ซื้อกิจการร้านอาหารฝรั่งเศสในกรุงปารีสซึ่งได้รับรางวัลดาวมิชลิน 2 ดวงชื่อ “Le Grand Vefour” โดยซื้อจากเชฟที่มีชื่อเสียงคือ Mr. Guy Martin ผลการดำเนินงานของร้านดังกล่าวในปี 2561 มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายติดลบเล็กน้อยจากการมีค่าใช้จ่ายบุคลากรที่ค่อนข้างสูง บริษัทร่วมมือกับ Mr. Guy Martin วางแผนจะเปิดร้านอาหารเพิ่มอีกหลายแห่งในประเทศฝรั่งเศสโดยแห่งแรกคาดว่าจะเปิดในช่วงปลายปี 2562 อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการขยายธุรกิจในต่างประเทศยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์

การลงทุนในธุรกิจใหม่ช้ากว่าคาด

บริษัทอยู่ในระหว่างการเข้าไปลงทุนในโครงการโรงแรมซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมืองภูเก็ต โครงการดังกล่าวประกอบไปด้วยโรงแรมขนาด 62 ห้องและร้านอาหาร 1 ร้าน ต้นทุนในการก่อสร้างคาดว่าจะอยู่ที่ 280 ล้านบาทซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืม แต่เดิมโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2563 แต่โครงการล้าช้ากว่ากำหนดเนื่องจากการแก้แบบทางสถาปัตยกรรม บริษัทคาดว่าร้านอาหารและโรงแรมในส่วนแรกจำนวนประมาณ 20 ห้องจะสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2564

หนี้สินอยู่ในระดับปานกลาง

บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยโดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 43% ในเดือนมีนาคม 2562 จากระดับ 44% ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งสาเหตุเนื่องมาจากการลงทุนในโรงแรมที่ช้ากว่าคาดและการเปลี่ยนไปเน้นการขยายสาขาเกรฮาวด์ คาเฟ่ในต่างประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์แทนการลงทุนเอง ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอยู่ที่ระดับ 24% ในไตรมาสแรกของปี 2562

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 260-370 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564 ซึ่งจะใช้ไปในการเพิ่มจำนวนสาขาร้านอาหารและลงทุนในโครงการโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะอยู่ในช่วง 43%-45% ในช่วงปี 2562-2564 เงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณปีละ 660-690 ล้านบาท และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ที่ระดับประมาณ 25%

บริษัทมีสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ โดยมีแหล่งสภาพคล่องจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 226 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2562 และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้สินทางการเงินที่จะถึงกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 200 ล้านบาทและมีเงินลงทุนซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• รายได้ของบริษัทจะเติบโตประมาณ 4%-5% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

• อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะอยู่ในช่วง 57%-58% และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับ 21%-22%

• เงินลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่จำนวน 350 ล้านบาทในปี 2562 จำนวน 370 ล้านบาทในปี 2563 และจำนวน 260 ล้านบาทในปี 2564

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะทางการตลาดในธุรกิจของตนในปัจจุบันเอาไว้ได้และจะมีผลการดำเนินงานที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญพร้อมกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ในขณะที่อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงกว่าที่คาดอย่างต่อเนื่อง หรือหากบริษัทมีการลงทุนที่ทำให้ต้องก่อหนี้เป็นจำนวนมาก

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) (SST)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ