ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. สหกลอิควิปเมนท์” ที่ “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 21, 2019 16:20 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงธุรกิจหลักของบริษัทที่มีความมั่นคงในฐานะที่บริษัทเป็นผู้รับเหมาทำเหมืองแร่ระดับแนวหน้า ตลอดจนการมีกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพจากการมีสัญญาจ้างงานระยะยาวกับเจ้าของงานซึ่งมีฐานะทางการเงินที่มีความน่าเชื่อถือสูง และมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้จำนวนมาก ทว่าจุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูงและความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธุรกิจด้วยเหตุที่รายได้และกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทเกิดจากโครงการขนาดใหญ่จำนวนไม่มากนัก

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นผู้รับเหมาทำเหมืองชั้นแนวหน้า

บริษัทเป็นผู้รับเหมาทำเหมืองชั้นนำโดยมีผลงานเป็นที่ยอมรับในการทำเหมืองแร่ อีกทั้งยังมีทีมวิศวกรเหมืองแร่ที่มีประสบการณ์สูง และมีเครื่องจักรที่ใช้ในงานเหมืองที่มีความพร้อม

บริษัทดำเนินโครงการขุดขนดินและถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะมาแล้วหลายระยะตลอดช่วงเวลามากกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทชนะการประมูลงานและมีสัญญาระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบผู้รับเหมาหลักหรือในรูปแบบผู้ปฏิบัติการร่วม ซึ่ง กฟผ. จะใส่ชื่อของบริษัทเอาไว้ในรายชื่อของผู้รับเหมาที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติการรับงานซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรับงานเหมืองของบริษัทได้เป็นอย่างดี

บริษัทพยายามแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการเติบโต ในปี 2557 บริษัทได้ลงนามในสัญญาให้บริการทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์กับ Hongsa Power Co., Ltd. (HPC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าระดับแนวหน้าในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ซึ่งโอกาสในการเติบโตดังกล่าวก็นำมาซึ่งความเสี่ยงของประเทศที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นสู่โอกาสใหม่ในการขยายงานไปในต่างประเทศของบริษัท

มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและมีมูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบจำนวนมาก

ในเดือนมีนาคม 2562 บริษัทชนะการประมูลงานบริหารจัดการและซ่อมบำรุงระบบสายพานลำเลียงของเสียและเถ้าถ่านหินของ HPC โดยสัญญามีอายุ 7 ปีและมีมูลค่า 2,265 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้บริษัทมีมูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบจำนวนมากถึง 30,478 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2562 นอกเหนือจากโครงการบริหารจัดการและซ่อมบำรุงระบบสายพานแล้ว บริษัทยังมีงานที่ยังไม่ส่งมอบอื่น ๆ ซึ่งประกอบด้วยโครงการขุดขนดินและถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 7 มูลค่า 487 ล้านบาท โครงการขุดขนดินและถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 8 มูลค่า 18,106 ล้านบาท และโครงการเหมืองหงสาใน สปป. ลาว มูลค่า 9,620 ล้านบาท

อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงการมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาจ้างงานระยะยาวและการมีผู้ว่าจ้างที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ ทั้งนี้ ผู้ว่าจ้างหลักของบริษัทคือ กฟผ. ซึ่งจ้างงานบริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของมูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบทั้งหมด

ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธุรกิจ

ถึงแม้ว่าสถานะทางธุรกิจของบริษัทจะมีความแข็งแกร่ง แต่ทริสเรทติ้งก็มองว่าบริษัทมีขอบเขตงานที่ค่อนข้างแคบซึ่งทำให้บริษัทต้องแบกรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธุรกิจ ตัวอย่างได้แก่โครงการที่เหมืองแม่เมาะซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทที่คิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 70%-85% ของรายได้โดยเฉลี่ยของบริษัทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่งานที่ยังไม่ส่งมอบก็เป็นโครงการขนาดใหญ่จำนวนไม่กี่โครงการเท่านั้น ในขณะที่โครงการที่มีมูลค่าสูงสุดคือโครงการขุดขนดินและถ่านหินที่เหมือง

แม่เมาะ ระยะที่ 8 ซึ่งคิดเป็น 59% ของมูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบทั้งหมด ดังนั้น หากงานที่เหมืองแม่เมาะมีปัญหาหรือผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาดก็จะส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินโดยรวมของบริษัทโดยตรง

ในมุมมองของทริสเรทติ้งยังเห็นว่าการที่บริษัทไม่ได้งานในโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 9 ในปี 2560 นั้นได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญที่ทำให้บริษัทพลาดโอกาสในการเติบโตภายในประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น เพื่อที่จะพยุงให้ธุรกิจเติบโตต่อไป บริษัทจึงจำเป็นจะต้องขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ แต่กระนั้นบริษัทก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของประเทศและความเสี่ยงจากผู้ว่าจ้างที่มีสูงกว่าด้วยเช่นกัน

ผลกระทบรุนแรงจากเหตุดินถล่มในพื้นที่โครงการและต้นทุนที่เกินงบประมาณ

ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 ต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดไว้เนื่องจากผลกระทบที่รุนแรงกว่าคาดจากเหตุดินถล่มที่โครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 8 ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2561 บริษัทได้รับความเสียหายจากการเกิดดินถล่มในพื้นที่ทิ้งดินของ กฟผ. ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 8 โดยระบบสายพานลำเลียงและเครื่องจักรบางส่วนของบริษัทได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังทำให้การติดตั้งระบบสายพานลำเลียงต้องล่าช้าออกไปอีกด้วย

ทริสเรทติ้งมองว่าการเกิดเหตุดินถล่มเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม การกู้ความเสียหายมีความล่าช้ากว่าที่ทริสเรทติ้งคาดเอาไว้เป็นอย่างมากเนื่องจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่โครงการทำให้การติดตั้งและทดสอบระบบสายพานเกิดความล่าช้า ส่งผลให้ต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากการที่บริษัทต้องใช้งานรถบรรทุกอย่างหนักเพื่อขนดินแทนระบบสายพานลำเลียง ในการนี้ บริษัทจะได้รับเงินค่าชดเชยความเสียหายจากเหตุดินถล่มจาก กฟผ. จำนวน 49.5 ล้านบาท อย่างไร

ก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าเป็นการเยียวยาที่น้อยมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2561 ยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนดำเนินงานที่เกินงบประมาณในโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 7 อีกด้วย ส่งผลให้โดยรวมแล้วอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 25% จากระดับ 37%-41% ในช่วง 3 ปีก่อนหน้า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 285 ล้านบาทในปี 2561 ในขณะที่เงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่เพียง 760 ล้านบาท โดยลดลงจากประมาณ 1,000 ล้านบาทในปีก่อนหน้า

ผลการดำเนินงานคาดว่าจะกลับสู่ระดับปกติ

บริษัทเริ่มมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2562 จากการมีกำลังการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้ระบบสายพานลำเลียงในโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 8 และการมีเครื่องจักรใหม่ในโครงการเหมืองหงสาที่มีความพร้อมใช้งาน ในขณะที่ผลการดำเนินงานในโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 7ยังคงขาดทุนจากค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรเก่า แต่เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว อัตราส่วนกำไรของบริษัทเพิ่มกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 38% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมาเมื่อระบบสายพานลำเลียงในโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 8 ทำงานได้อย่างเต็มที่ เมื่อพิจารณาจากมูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบในปัจจุบันแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วงประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564 อัตราส่วนกำไรจะรักษาระดับอยู่ที่ 35%-40% และเงินทุนจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000-1,200 ล้านบาทต่อปี

ภาระหนี้อยู่ในระดับสูง

อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดจากภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายลงทุนที่สูง กล่าวคือ บริษัทต้องซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ใหม่ในการเริ่มงานโครงการใหม่แต่ละโครงการ ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 7,966 ล้านบาทในปี 2561 จาก 5,145 ล้านบาทในปี 2560 และ 2,513 ล้านบาทในปี 2559 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 78% ณ สิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 41% ในปี 2559 ซึ่งระดับภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นนั้นเนื่องมาจากการลงทุนใหม่ในโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 8 ซึ่งบริษัทต้องลงทุนประมาณ 7,200 ล้านบาท ในขณะที่ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ที่ 7,743 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2562

ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าโดยสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกระแสเงินสดที่ต่ำกว่าคาดจากโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 7 และระยะที่ 8 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 70%-77% ในช่วงปี 2562-2564 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 15%-20% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงกว่า 3.5 เท่า

สภาพคล่องและข้อกำหนดทางการเงินอยู่ในระดับตึงตัว

บริษัทมีสภาพคล่องที่ตึงตัว โดยบริษัทมีเงินสดจำนวน 201 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2561 และมีวงเงินกู้ยืมระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 48 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ในขณะที่ภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระมีจำนวน 2,418 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 941 ล้านบาทและเงินกู้ยืมโครงการจำนวน 1,477 ล้านบาท บริษัทจะชำระคืนเงินกู้ยืมโครงการด้วยเงินสดที่ได้รับตามความก้าวหน้าของโครงการ ในขณะที่เงินกู้ยืมระยะสั้นนั้นบริษัทจำเป็นจะต้องต่ออายุต่อไปเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเงินกู้ยืมจากธนาคาร

บริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนทางการเงินเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของหุ้นกู้ส่วนที่เหลือโดยบริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 3.5 เท่าเอาไว้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ทริสเรทติ้งมองว่าผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดในโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 7 และระยะที่ 8 นั้นส่งผลทำให้อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทตึงตัวจนอาจไม่สามารถรองรับภาวะขัดข้องทางการเงินได้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ ที่กลับมาดีขึ้นและสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของหุ้นกู้ได้

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• รายได้ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2564

• อัตราส่วนกำไรคาดว่าจะอยู่ในช่วง 35%-40%

• เงินลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,100 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะรักษาความสามารถในการแข่งขันในฐานะผู้รับเหมางานเหมืองเอาไว้ได้ทั้งงานจากภาครัฐและภาคเอกชน อีกทั้งบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ดีเอาไว้ได้ตลอดอายุสัญญาจ้างงานและควบคุมต้นทุนได้จนจบแผนงาน ซึ่งจะทำให้บริษัทรักษาอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับเกินกว่า 35% ได้ ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 15%-20% ภาระหนี้ของบริษัทคาดว่าจะค่อย ๆ ลดลงตามความก้าวหน้าของโครงการ ซึ่งภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูงจะได้รับการชดเชยด้วยกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากโครงการ

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าที่คาดไว้ ยิ่งไปกว่านั้น อันดับเครดิตจะได้รับผลกระทบในด้านลบหากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 15% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง อันดับเครดิตยังไม่มีแนวโน้มที่จะมีการปรับเพิ่มในอนาคตอันใกล้เนื่องจากภาระหนี้คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตจะมีการปรับเพิ่มขึ้นได้หากกระแสเงินสดของบริษัทปรับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบันพร้อมกันกับการลดลงของภาระหนี้

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SQ)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ