ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร “บ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น” เป็น “BBB+” จาก “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 28, 2019 19:06 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB+” จากเดิมที่ระดับ “BBB” โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงฐานทุนที่แข็งแกร่งของบริษัทซึ่งเห็นได้จากอัตราการก่อหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำ การเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของพอร์ตสินเชื่อ และความสามารถในการทำกำไรที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทก็มีข้อจำกัดจากการมีคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับปานกลางและสัดส่วนการปล่อยกู้ที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มลูกหนี้ที่ใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งที่บริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกัน รวมถึงดำรงความสามารถในการทำกำไร และควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคาดหวังด้วยว่าคณะผู้บริหารของบริษัทจะทยอยปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อและควบคุมสัดส่วนการปล่อยกู้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีฐานทุนที่แข็งแกร่งและอัตราการก่อหนี้อยู่ในระดับต่ำ

ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะดำรงอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อัตราการก่อหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ด้วยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นซึ่งลดลงจาก 2.2 เท่า ในปี 2559 มาอยู่ที่ 1.4 เท่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 โดยการลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงจาก Cathay Financial Holding Co., Ltd. (Cathay) จำนวน 2,600 ล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เป็นสำคัญ

การสะสมของกำไรที่แข็งแกร่งและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ต่ำช่วยหนุนให้กำไรสะสมของบริษัทเพิ่มขึ้น โดย ณ เดือนมีนาคม 2562 ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเติบโตมาอยู่ที่ 17,072 ล้านบาท จาก 11,175 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2560 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตสะสมโดยเฉลี่ยต่อปีที่ 21% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการเพิ่มทุน ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง และอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ต่ำจะสามารถช่วยให้บริษัทดำรงฐานทุนที่เข้มแข็งเพื่อการขยายธุรกิจในระยะปานกลางได้

พอร์ตสินเชื่อเติบโตอย่างต่อเนื่อง

พอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัท (รวมถึงสินเชื่อที่มาจาก บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด และ บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน)) เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 32,791 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2562 จาก 17,469 ล้านบาทในปี 2559 ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2562 สินเชื่อคงค้างของบริษัทเพิ่มขึ้น 5% จากสิ้นปี 2561 ซึ่งการเปิดสาขาใหม่และการขยายตัวไปยังสินเชื่อที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิ่งที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตดังกล่าว ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทให้บริการผ่านสาขาจำนวน 3,086 แห่ง การมีเป้าหมายที่จะเปิดสาขาใหม่จำนวน 200 ถึง 300 แห่งต่อปีน่าจะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในระดับที่มากกว่าเลข 2 หลักได้ในระยะ 3 ปีข้างหน้า

มีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งถึงแม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยในระยะหลังจากการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทและการมีอัตราผลตอบแทนที่ลดลง กำไรสุทธิจากงบการเงินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3,001 ล้านบาทในปี 2561 คิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 11% จากปี 2560 ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทลดลงเป็น 8.3% ในปี 2561 จาก 9.8% ในปี 2560 แต่ยังคงสูงกว่าสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารรายอื่น ๆ ที่จัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บง. ศรีสวัสดิ์ เป็น 78% ในเดือนมิถุนายน 2562 จาก 45% ในปี 2561 ทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มอัตราผลตอบแทนในภาพรวมได้ในระยะสั้นเนื่องจากสินเชื่อที่ดำเนินการโดย บง. ศรีสวัสดิ์ สามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยได้สูงกว่าสินเชื่อที่ดำเนินการโดยบริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจะเป็นเพียงชั่วคราวเนื่องจากตลาดยังมีการแข่งขันที่สูง

คุณภาพสินทรัพย์และการกันสำรองอยู่ในระดับปานกลาง

ถึงแม้ว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อที่ค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมในระดับ 3% ถึง 4% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่ต่ำกว่า 5% อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมยังคงสูงกว่าคู่แข่งซึ่งโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2% ทั้งนี้ อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตตั้งอยู่บนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าในระยะยาวอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวลดลงจนใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของคู่แข่ง ในส่วนของการกันสำรองนั้น บริษัทยังคงมีอัตราส่วนความเพียงพอของการตั้งสำรองสำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 100% มาโดยตลอด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคู่แข่ง การปรับเพิ่มขึ้นของการตั้งสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ไม่ว่าจะเกิดจากการลดลงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเกิดจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นผลบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัททั้งสิ้น

ความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

การเพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินเชื่อในกลุ่มลูกหนี้ที่ใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันอาจสร้างความเสี่ยงให้แก่บริษัทในด้านของสภาพคล่องของสินทรัพย์และการกระจุกตัวของลูกหนี้ ทั้งนี้ ในแง่ของสภาพคล่องนั้น การยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดทรัพย์สินในกรณีผิดนัดชำระหนี้นั้นค่อนข้างใช้เวลา ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวอาจเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับสัดส่วนในสินเชื่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นด้วยเนื่องจากสินเชื่อในกลุ่มนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าสินเชื่อที่มียานพาหนะเป็นหลักประกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมาตรการลดทอนความเสี่ยง โดยการนำเสนอสินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันด้วยอัตราส่วนมูลหนี้ต่อมูลค่าหลักประกันในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์มาอยู่ที่ 39% ณ เดือนมีนาคม 2562 จาก 25% ในปี 2559 ถึงแม้ว่าความเสี่ยงจากการกระจุกตัวที่คิดจากจำนวนสินเชื่อ 20 อันดับแรกจากฐานข้อมูลของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับลดลง แต่การกระจุกตัวนี้ยังคงสูงกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ตั้งอยู่บนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าสัดส่วนสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจะถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• พอร์ตสินเชื่อของบริษัทจะเติบโต 15%-30% ต่อปี ในระหว่างปี 2562-2564

• อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นคาดว่าจะรักษาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 เท่า ในระหว่างปี 2562-2564

• กำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ยที่ 14% ต่อปี ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งที่บริษัทจะสามารถดำรงสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกัน รวมถึงดำรงความสามารถในการทำกำไร และควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคาดหวังด้วยว่าคณะผู้บริหารของบริษัทจะทยอยปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อและควบคุมสัดส่วนการปล่อยกู้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีความเป็นไปได้น้อยในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงในกรณีที่บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมปรับเพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 5% หรืออัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่า 4.5 เท่า หรือความสามารถในการทำกำไรปรับตัวลดลงอย่างมากเป็นเวลานานในระดับหนึ่ง อันเป็นผลเนื่องมาจากการบริหารความเสี่ยงที่อ่อนแอลง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SAWAD)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ