ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็ง ฐานทุนที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง และสภาพคล่องที่ดีของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เป็นข้อกังวลอย่างยิ่งต่ออันดับเครดิตของบริษัทคือความเสี่ยงทางด้านเครดิตที่อาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ในขณะเดียวกัน การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะตลาดภายในประเทศที่อาจส่งผลกดดันต่อการปรับเพิ่มขึ้นของอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิของบริษัทในระยะปานกลางด้วย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีระดับการก่อหนี้ที่ต่ำและมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1.2 เท่าในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2562 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 1.09 เท่าจาก 1.12 เท่า
ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 2.2 เท่า ในขณะที่ฐานทุนที่แข็งแกร่งของบริษัทสามารถรองรับต้นทุนทางเครดิตที่ค่อนข้างสูงจากกลุ่มลูกค้าของบริษัทที่มีความเสี่ยงทางด้านเครดิตที่สูงได้
กำไรจะยังคงแข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยให้อยู่ที่ระดับประมาณ 4% เอาไว้ได้ในระยะ 3 ปีข้างหน้า กำไรของบริษัทเริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ปี 2558 จากต้นทุนทางด้านเครดิตที่สูงในช่วงปี 2556-2557 ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญต่อการทำกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทมาจากความสามารถในการคงระดับอัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงโดยอยู่ในระดับที่สูงกว่า 27% ตลอดระยะ 10 ปีที่ผ่านมา
ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิจากงบการเงินรวมลดลงมาอยู่ที่ 408 ล้านบาทจาก 472 ล้านบาทในปี 2560 อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองและการขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม
ถัวเฉลี่ยของบริษัทลดลงเหลือ 4.0% ในปี 2562 จาก 5.1% ในปี 2560 ในการนี้ ทริสเรทติ้งยังคงคาดว่าค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองของบริษัทจะยังคงเพิ่มขึ้นจากสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเปราะบาง ในขณะที่การขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์น่าจะคงรักษาให้อยู่ในระดับต่ำกว่าในปี 2561 ได้
มีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งพร้อมความยืดหยุ่นทางการเงิน
สภาพคล่องเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าจากการมีนโยบายการจัดหาแหล่งเงินทุนที่ระมัดระวังของบริษัท บริษัทค่อนข้างมีการพึ่งพาเงินทุนระยะยาวมากกว่าคู่แข่ง ทั้งนี้ ในปี 2561 สัดส่วนเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 51% และหนี้สินระยะสั้น (รวมส่วนของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี) อีกจำนวน 49%
ณ เดือนมีนาคม 2562 บริษัทมีส่วนต่างทางด้านระยะเวลาระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินเป็นบวก ซึ่งทริสเรทติ้งคาดว่าส่วนต่างดังกล่าวจะยังคงเป็นบวกต่อไปในอีก 12 เดือนข้างหน้า ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดรับจากการชำระคืนสินเชื่อของลูกหนี้อยู่ที่ประมาณ 300-350 ล้านบาทต่อเดือนในอีก 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่กระแสเงินสดไหลออกจากการชำระคืนหนี้ของบริษัทจะอยู่ในระดับประมาณ 250-300 ล้านบาทต่อเดือนโดยเฉลี่ย
มีสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งแม้จะมีอัตราการเติบโตที่ช้าลง
สถานะทางการตลาดและการกระจายตัวของธุรกิจไปทั่วประเทศเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการขยายพอร์ตสินเชื่อในอัตราที่ช้าลงในปีที่ผ่านมา โดยพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 9,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน การเติบโตที่ช้าลงดังกล่าวมาจากกลยุทธ์ที่ค่อนข้างระมัดระวังของผู้บริหารของบริษัทเมื่อพิจารณาถึงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก
ถึงแม้การเติบโตจะลดลง แต่บริษัทก็ยังคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและยังคงเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายใหญ่ด้านสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศและมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ แม้ทริสเรทติ้งยังมองว่าในปี 2562 พอร์ตสินเชื่อภายในประเทศของบริษัทจะยังคงชะลอตัว แต่ความได้เปรียบจากการมีสาขาทั่วประเทศน่าจะช่วยให้บริษัทกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเมื่อผู้บริหารมีกลยุทธ์ที่จะกลับมาเติบโตอีกในอนาคต
การขยายธุรกิจไปในต่างประเทศช่วยกระตุ้นการเติบโต
ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า การขยายธุรกิจไปในต่างประเทศจะเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตของบริษัทเมื่อพิจารณาถึงการเติบโตภายในประเทศที่เป็นไปอย่างระมัดระวังจากการแข่งขันที่รุนแรงและความเสี่ยงด้านเครดิตที่มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น
ทริสเรทติ้งประมาณการว่าสินเชื่อในต่างประเทศจะคิดเป็นสัดส่วน 20%-30% ของสินเชื่อรวมของบริษัทในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทมีการขยายธุรกิจไปยังตลาด CLMV อย่างต่อเนื่องโดยประกอบไปด้วยประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) และเมียนมาซึ่งเป็นประเทศล่าสุด ณ สิ้นปี 2561 สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศต่อสินเชื่อรวมของบริษัทอยู่ที่ 10% ซึ่ง 8% อยู่ในประเทศกัมพูชาและ 2% อยู่ใน สปป. ลาว บริษัทคาดหวังว่าจะขยายการเติบโตให้เป็นเท่าตัวด้วยการขยายสาขาไปยังเมืองใหม่ ๆ ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาในอีก 2 ปีข้างหน้าโดยจะเพิ่มเป็น 15 สาขาจาก 6 สาขาในประเทศกัมพูชา ใน สปป. ลาวจะเพิ่มเป็น 6 สาขาจาก 3 สาขา และในประเทศเมียนมาจะมี 3 สาขา
ทริสเรทติ้งเชื่อว่าพอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศจะเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อผลประกอบการของบริษัทในอนาคตอันเนื่องมาจากอัตรารายได้ดอกเบี้ยรับโดยรวมที่สูงและคุณภาพสินเชื่อที่ค่อนข้างดีกว่าสินเชื่อภายในประเทศ ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยโดยรวมจากสินเชื่อต่างประเทศมีอัตราที่สูงกว่าสินเชื่อภายในประเทศ โดยในปี 2561 อัตรารายได้ดอกเบี้ยรับต่อสินเชื่อในประเทศกัมพูชาและ สปป. ลาว อยู่ที่ 38% และ 46% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับอัตราภายในประเทศที่ 32% คุณภาพสินเชื่อจากธุรกิจที่อยู่ในต่างประเทศยังอยู่ในระดับที่ดีมากโดยมีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อที่ค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่ำกว่า 1% ของสินเชื่อรวมในปี 2561 แม้ว่าทริสเรทติ้งจะเชื่อว่าคุณภาพสินเชื่อในต่างประเทศของบริษัทอาจปรับลดลงจากระดับปัจจุบัน แต่ทริสเรทติ้งก็ยังเชื่อว่าคุณภาพสินเชื่อในต่างประเทศของบริษัทจะอยู่ในระดับที่ดีกว่าคุณภาพสินเชื่อของบริษัทในประเทศไทย
การตั้งสำรองที่ระมัดระวังช่วยลดความเสี่ยงทางด้านเครดิตที่อยู่ในระดับที่สูง
บริษัทมีนโยบายการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่ระมัดระวังเพื่อชดเชยกับการมีคุณภาพสินเชื่อที่อ่อนแอ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญของบริษัทนั้นเพียงพอรองรับทั้งหนี้สูญตัดบัญชีและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงกว่าระดับ 110% มาโดยตลอด ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับ 147.6% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะคงอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ในระดับดังกล่าวได้ต่อไปในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าด้วยสมมติฐานต้นทุนทางด้านเครดิตที่ระดับ 9.5%-11.0% จนถึงปี 2564
คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทแม้จะอ่อนแอแต่ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกับของคู่แข่ง ทั้งนี้ คุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอของบริษัทส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีคุณภาพเครดิตต่ำ โดยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรหรือพนักงานโรงงานซึ่งส่วนมากจะอยู่นอกระบบการเงินหรือไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถคงอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และหนี้สูญตัดบัญชีต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 15% ได้ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า ณ สิ้นปี 2561 อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งรวมหนี้สูญตัดบัญชีต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยของบริษัทอยู่ในระดับ 14.7% เทียบกับระดับ 14.6% ในปี 2559 และระดับ 14.8% ในปี 2560
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทฐิติกรในระหว่างปี 2562-2564 ดังนี้
• พอร์ตสินเชื่อของบริษัทจะเติบโตเฉลี่ยประมาน 3% ต่อปี
• อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นคาดว่าจะรักษาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1.2 เท่า
• อัตรารายได้ดอกเบี้ยต่อสินเชื่อรวมจะคงอยู่ในระดับ 31%-33%
• ต้นทุนทางด้านเครดิตเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปี
• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมจะอยู่ในระดับ 55%-60%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ตั้งอยู่บนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ได้ต่อไป ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังตั้งอยู่บนความคาดหวังของทริสเรทติ้งด้วยว่าบริษัทจะยังมีการก่อหนี้ในระดับต่ำ สภาพคล่องและความสามารถในการทำกำไรจะยังคงแข็งแกร่ง และคุณภาพสินทรัพย์จะยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิต และ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตค่อนข้างมีจำกัด ในทางกลับกัน อันดับเครดิต และ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงในกรณีที่คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรหรือระดับการก่อหนี้อย่างมีนัยสำคัญซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงเกินกว่า 2 เท่า
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html