ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง” ที่ “BBB” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 4, 2019 17:05 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่สามารถคาดการณ์ได้และแข็งแกร่งซึ่งบริษัทได้รับจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานการไฟฟ้าภาครัฐ นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าของบริษัทด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของปริมาณและราคาของวัตถุดิบสำหรับป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล ตลอดจนความเสี่ยงในการดำเนินการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ และระดับการก่อหนี้ที่อาจเพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงสถานะเครดิตของ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

อันดับเครดิตถูกกำหนดโดยสถานะของกลุ่ม

ตามเงื่อนไขเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้งนั้น อันดับเครดิตของบริษัทจะจำกัดอยู่ที่ระดับ “BBB” ซึ่งเป็นอันดับเครดิตองค์กรที่ทริสเรทติ้งจัดให้แก่บริษัทไทยโพลีคอนส์ หรือกลุ่มบริษัท โดยบริษัทไทยโพลีคอนส์ถือหุ้นประมาณ 41% ในบริษัทและมีอำนาจควบคุมธุรกิจและนโยบายทางการเงินของบริษัทโดยตรงอีกด้วย สิ่งดังกล่าวสะท้อนความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างบริษัททั้งสอง

ผลกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทไทยโพลีคอนส์มาจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของบริษัท โดยธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทนั้นช่วยลดความผันผวนและความอ่อนไหวของธุรกิจก่อสร้างของบริษัทไทยโพลีคอนส์ได้เป็นอย่างมาก ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทไทยโพลีคอนส์

กระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้

อันดับเครดิตสะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่สามารถคาดการณ์ได้จากโรงไฟฟ้าของบริษัท ปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินการแล้วจำนวน 6 แห่ง โดย 5 แห่งนั้นบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ กำลังการผลิตรวมตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วอยู่ที่ 52.8 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าทุกแห่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้ผลิตและผู้จ่ายกระแสไฟฟ้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งได้รับการจัดอันดับที่ระดับ “AAA” จากทริสเรทติ้ง ดังนั้น ความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระเงินจากผู้รับซื้อไฟฟ้าจึงอยู่ในระดับต่ำ

ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีการระบุราคาซื้อขายไว้อย่างชัดเจนในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) โดยมีส่วนต่างหรือค่าพรีเมียมในช่วง 8 ปีแรกซึ่งช่วยเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่โครงการดังกล่าว

ความเสี่ยงจากปริมาณและราคาของวัตถุดิบ

บริษัทเผชิญกับความผันผวนของปริมาณและราคาของวัตถุดิบเชื้อเพลิง เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทได้ตั้งโรงไฟฟ้าให้อยู่ใกล้กับแหล่งวัตถุดิบ นอกจากนั้น บริษัทได้จัดจ้างผู้รับเหมาเพื่อให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบริษัท โดยผู้รับเหมาดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการวัตถุดิบ ดังนั้นผู้รับเหมาจะเป็นผู้รับความเสี่ยงด้านราคาวัตถุดิบด้วย อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ บริษัทไม่สามารถผลักภาระความเสี่ยงด้านราคาให้แก่ผู้รับเหมาดังกล่าวได้ทั้งหมด ที่ผ่านมา บริษัทปรับขึ้นค่าบริหารจัดการให้แก่ผู้รับเหมาเมื่อราคาวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น

บริษัทวางแผนจะจัดจ้างผู้รับเหมาเพื่อให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ของบริษัทแต่บริษัทจะจัดการวัตถุดิบด้วยตัวเอง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านวัตถุดิบเชื้อเพลิงแก่บริษัท ทั้งนี้ บริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายวัตถุดิบเชื้อเพลิงระยะยาวกับผู้จำหน่ายท้องถิ่นเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะมีเชื้อเพลิงที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม การบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญายังเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย บริษัทลดความเสี่ยงดังกล่าวด้วยการให้ผู้จำหน่ายวัตถุดิบเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในโครงการของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาปลูกพืชพลังงานเป็นเชื้อเพลิงของตนเองอีกด้วย ซึ่งความพยายามดังกล่าวทำให้ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถจัดการกับความเสี่ยงด้านวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี

ความเสี่ยงในการดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าใหม่

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาจำนวนทั้งสิ้น 5 โครงการ โดยมีกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมกันที่ 53.7 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล (45.7 เมกะวัตต์) และโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะ (8 เมกะวัตต์) ซึ่งเมื่อโครงการเหล่านี้เปิดดำเนินการในช่วงปี 2563-2564 กำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 106.5 เมกะวัตต์

ความเสี่ยงจากการดำเนินงานเกิดจากการเลือกทำเลที่ตั้งของโครงการ ความล่าช้าในการก่อสร้าง ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและการต่อต้านจากชุมชน รวมไปถึงการจัดหาวัตถุดิบ โรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่ตั้งอยู่ในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อทางภาคใต้ของประเทศไทยได้ส่งผลให้โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่นี้ประสบความล่าช้าจากการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม งบลงทุนยังคงอยู่ในการควบคุม

โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่ยังสร้างความท้าทายเนื่องจากอยู่ภายใต้ระบบการประมูลซึ่งมีราคาขายไฟฟ้าต่ำลงมากโดยอยู่ระหว่าง 2.8-3.4 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ขณะที่โรงไฟฟ้าในปัจจุบันของบริษัทมีราคาขายไฟฟ้าสูงกว่า 4 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ดังนั้น บริษัทจึงจำเป็นต้องเพิ่มความรัดกุมในการควบคุมต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้นไปอีก

ผลการดำเนินงานมีความแข็งแกร่ง

โรงไฟฟ้าของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่สูงกว่า 80% ของกำลังการผลิตสูงสุดซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูง ส่งผลให้อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของโรงไฟฟ้าของบริษัททรงตัวอยู่ที่ระดับสูงประมาณ 50%

โรงไฟฟ้าบางแห่งของบริษัทเป็นการลงทุนในรูปแบบกิจการร่วมค้า ซึ่งบริษัทให้การค้ำประกันหนี้ของกิจการร่วมค้าตามสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการร่วมค้านั้น ๆ ดังนั้น การพิจารณาสถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท ทริสเรทติ้งจึงรวมเอาสินทรัพย์ หนี้สิน และผลการดำเนินงานของกิจการร่วมค้าเข้ามารวมกับงบการเงินรวมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการร่วมค้าแต่ละแห่งด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่งในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งการขยายธุรกิจของบริษัทก็น่าจะทำให้รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 3.9 พันล้านบาทในปี 2565 จาก 1.8 พันล้านบาทในปี 2562 โดยนอกเหนือจากโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนากำลังการผลิตรวม 53.7 เมกะวัตต์แล้ว ทริสเรทติ้งยังตั้งสมมติฐานว่าบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตใหม่อีก 40 เมกะวัตต์ในช่วง 3 ปีข้างหน้า และกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าของบริษัทที่ดำเนินการแล้วจะเพิ่มขึ้นเป็น 146.5 เมกะวัตต์ในปี 2565

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะลดลงจากระดับปัจจุบันเนื่องจากโรงไฟฟ้าแห่งใหม่มีราคาขายไฟฟ้าที่ถูกลง อย่างไรก็ตาม โครงการใหม่ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น ซึ่งจะเร่งให้เกิดการประหยัดจากขนาดและช่วยลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย ภายใต้ประมาณการของทริสเรทติ้ง อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 40%-50% ในช่วงปี 2563-2565 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังที่ประมาณ 46% ทั้งนี้ ระดับอัตรากำไรจากการดำเนินงานดังกล่าวถือว่าสูงสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าชีวมวล ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 1.7 พันล้านบาทในปี 2565 จากประมาณ 800 ล้านบาทในปี 2562 เงินทุนจากการดำเนินงานน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านบาทในปี 2565 จากประมาณ 700 ล้านบาทในปี 2562

การก่อหนี้จะเพิ่มสูงขึ้น

หนี้สินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นตามการขยายธุรกิจ โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1.5-1.7 พันล้านบาทต่อปีสำหรับโครงการใหม่ ๆ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 50% โดยกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจะช่วยรักษาระดับการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ในการนี้ ทริสเรทติ้งได้รวมเอาหนี้ของกิจการร่วมค้าตามสัดส่วนความเป็นเจ้าของมาประกอบการพิจารณาประมาณการดังกล่าวด้วย

กระแสเงินสดเมื่อเทียบกับหนี้ของบริษัทจะด้อยลงในช่วงการขยายธุรกิจแต่จะปรับตัวดีขึ้นหลังจากนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะลดลงต่ำกว่า 20% ในปี 2563 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็น 24.5% ในปี 2565 อัตราส่วนดังกล่าวมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 27% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในทำนองเดียวกัน อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายน่าจะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 4.2 เท่าในปี 2563 และลดลงเป็น 3.3 เท่าในปี 2565 กระแสเงินสดเมื่อเทียบกับหนี้ของบริษัทถือว่าค่อนข้างสูงเนื่องจากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วมีการเดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งไม่คิดว่าบริษัทจะขยายธุรกิจจนมากเกินไปในอนาคต

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถจัดการกับสภาพคล่องได้เป็นอย่างดี โดยบริษัทมีหนี้ค่อนข้างต่ำและไม่มีการใช้เงินทุนที่ไม่สอดคล้องในด้านระยะเวลาแต่อย่างใด บริษัทมีหนี้ที่จะครบกำหนดในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ประมาณ 180 ล้านบาทซึ่งทั้งหมดเป็นเงินกู้โครงการระยะยาว ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วงเวลาเดียวกันจะอยู่ที่ 281 ล้านบาทซึ่งเพียงพอที่จะรองรับหนี้ที่ครบกำหนดดังกล่าว ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2562 บริษัทมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้ เงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดรวมกันประมาณ 500 ล้านบาทสำหรับเป็นแหล่งเงินสดได้อีกทางหนึ่ง ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ในช่วง 800 ล้านบาทถึง 1.4 พันล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทจะต้องชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวปีละ 500-800 ล้านบาท

บริษัทไม่มีข้อกำหนดทางการเงินสำหรับวงเงินกู้ที่มีกับธนาคาร แต่บริษัทย่อยและกิจการร่วมค้าต้องดำรงอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ไว้ไม่น้อยกว่า 1.1 เท่าหรือ 1.2 เท่าและต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ไม่เกิน 2.5 เท่า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้าสามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดดังกล่าว ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทย่อยและกิจการร่วมค้าจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวตลอดช่วง 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้าได้เช่นกัน

สมมติฐานพื้นฐาน

• กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาของโรงไฟฟ้าที่ดำเนินงานแล้วจะเพิ่มขึ้นเป็น 146.5 เมกะวัตต์ ในอีก 3 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันที่ 52.8 เมกะวัตต์

• โรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่ทั้ง 4 จะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปี 2563

• โรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะแห่งใหม่จะเริ่มดำเนินการในช่วงครึ่งหลังของปี 2564

• อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ในช่วง 40%-50%

• เงินลงทุนรวมจะอยู่ในช่วง 1.5-1.7 พันล้านบาทต่อปี

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะยังมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อไปและสร้างกระแสเงินสดได้อย่างที่วางแผนไว้ และบริษัทจะยังมีสถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทไทยโพลีคอนส์ ซึ่งภายใต้ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่และบริษัทย่อยนั้น การเปลี่ยนแปลงใดใดต่ออันดับเครดิตองค์กรของบริษัทไทยโพลีคอนส์ก็จะส่งผลต่ออันดับเครดิตองค์กรของบริษัทด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานและโครงสร้างเงินทุนของบริษัทแข็งแรงกว่าที่คาดไว้อย่างมีนัยสำคัญและช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับสถานะการเงินของกลุ่มบริษัท ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าต่ำกว่าประมาณการเป็นอย่างมากหรือโครงสร้างเงินทุนของบริษัทด้อยลงจากการลงทุนด้วยการก่อหนี้จำนวนมาก อันดับเครดิตยังอาจลดลงได้หากอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทไทยโพลีคอนส์ลดต่ำลง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (TPCH)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ