ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสภาพคล่องที่เพียงพอและฐานทุนที่แข็งแกร่งของบริษัทโดยพิจารณาจากงบการเงินรวม ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นของบริษัทซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทลูกหลัก คือ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานะทางการตลาดในระดับปานกลางของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป และรายได้จากเงินลงทุนอื่น ๆ ของบริษัทที่ยังคงคิดเป็นสัดส่วนที่ไม่มีนัยสำคัญ
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
สภาพคล่องที่เพียงพอ
บริษัทมีสภาพคล่องภายใต้งบการเงินรวมมากเพียงพอที่จะรองรับแผนการลงทุนของบริษัทด้วยเงินสดที่มีอยู่จำนวน 1.9 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2562 อีกทั้งบริษัทยังมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องจำนวน 2.8 พันล้านบาทด้วย ซึ่ง 68% ของเงินลงทุนดังกล่าวเป็นเงินลงทุนของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป บริษัทมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมจากงบการเงินรวมอยู่ที่ 55.3% ณ เดือนมิถุนายน 2562 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาบนพื้นฐานการเป็นบริษัทเดี่ยวแล้ว บริษัทได้มีการออกจำหน่ายหุ้นกู้เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุน โดยมีภาระหนี้อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2562 คณะผู้บริหารมองว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม ณ ปัจจุบันเนื่องจากแผนการลงทุนในอนาคตของบริษัทยังมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ความหลากหลายของแหล่งเงินทุนที่น้อยกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมถือเป็นตัวแปรที่กระทบต่ออันดับเครดิตในเชิงลบ
มีฐานทุนที่แข็งแกร่ง
บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.8 พันล้านบาทภายใต้งบการเงินรวม ซึ่งทำให้บริษัทมีฐานทุนที่เพียงพอสำหรับแผนการลงทุนในอนาคตและเพียงพอสำหรับรองรับผลขาดทุนจากการดำเนินกิจการ บริษัทมีอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมที่ปรับตัวเลขแล้วซึ่งเป็นมาตรวัดภาระหนี้อยู่ที่ 76.0% ณ เดือนมิถุนายน 2562 ภายใต้งบการเงินรวม เพิ่มขึ้นจาก 68.5% ในปี 2561 ทั้งนี้ คณะผู้บริหารของบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มีความระมัดระวังเพื่อรักษาฐานทุนดังจะเห็นได้จากการที่บริษัทงดจ่ายเงินปันผลในช่วงเวลาที่บริษัทมีผลประกอบการอ่อนแอในปี 2561 สำหรับกรณีดังกล่าว ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าเป็นนโยบายด้านบวก
ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวดีขึ้น
กำไรสุทธิจากงบการเงินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 51 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 จากที่มีผลขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาทในปี 2561 ซึ่งถือว่าเป็นอานิสงส์จากผลประกอบการที่เข้มแข็งขึ้นของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป และการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทภายใต้งบการเงินรวม บริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1.2% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก -0.4% ในปี 2561 ทั้งนี้ ในบรรดาบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัททั้งหมด บล. คันทรี่ กรุ๊ป มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดในปัจจุบันโดยคิดเป็น 87% ของรายได้รวมของบริษัทภายใต้งบการเงินรวมในปี 2561 และสัดส่วนดังกล่าวคิดเป็น 83% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562
ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรายได้และกำไรสุทธิที่ขยายตัวขึ้นของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าวก็อาจมีความเสี่ยงในด้านลบเนื่องจากผลประกอบการของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป ยังคงขึ้นอยู่กับกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีความผันผวนโดยธรรมชาติ ในขณะที่บริษัทเองก็ยังพึ่งพากำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์จากเงินลงทุนของบริษัทเองด้วย โดยกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์มีสัดส่วนคิดเป็น 24% ของรายได้รวมของบริษัทภายใต้งบการเงินรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562
ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ได้รับส่วนแบ่งกำไรที่แน่นอนจากบริษัทร่วมซึ่งประกอบด้วย บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรดังกล่าวยังคงเป็นสัดส่วนที่ไม่มีนัยสำคัญเพียงพอที่จะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่อสถานะทางการเงินของบริษัทได้
ภาระหนี้อยู่ในระดับต่ำ
บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำที่ 0.2 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2562 โดยภาระหนี้ของบริษัทนั้นรวมถึงหุ้นกู้จำนวน 1.1 พันล้านบาทซึ่งมีกำหนดไถ่ถอนในเดือนมิถุนายน 2563 ด้วย การก่อหนี้นั้นมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับรองรับโอกาสทางการลงทุนของบริษัทในอนาคต ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทอาจเพิ่มขึ้นจากระดับเดิมในอีก 2-3 ปีข้างหน้าในกรณีที่บริษัทได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทให้สามารถออกหุ้นกู้ได้ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท ในการนี้ ทริสเรทติ้งไม่ได้รวมส่วนหนี้ที่อาจเพิ่มขึ้นดังกล่าวไว้ในประมาณการ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหนี้สินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงสุดแล้วก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทก็จะยังคงอยู่ในระดับที่สามารถรักษาสถานะอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับปัจจุบันเอาไว้ได้
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษากลยุทธ์การลงทุนที่มีความระมัดระวังต่อไปเนื่องจากทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าบริษัทมีแนวโน้มในการดำเนินนโยบายการลงทุนที่รัดกุม โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพได้ทันทีและจะกระจายการลงทุนในธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรมเมื่อเล็งเห็นโอกาส อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงดำรงอยู่เนื่องจากการลงทุนในอนาคตของบริษัทอาจนำไปสู่ผลประกอบการทางการเงินโดยรวมที่ถดถอยลงได้
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2562-2565 ดังนี้
• เงินลงทุนในบริษัทร่วมจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท
• รายได้รวมจะเติบโตที่ระดับ 4%-8%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า บล. คันทรี่ กรุ๊ป ในฐานะที่เป็นบริษัทย่อยหลักของบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการเงินเอาไว้ได้และจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์ได้ดียิ่งขึ้น แนวโน้มอันดับเครดิตยังตั้งอยู่บนสมมติฐานของทริสเรทติ้งที่บริษัทจะยังคงภาระหนี้ให้อยู่ในระดับปานกลางและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการเงินของบริษัทเองได้อย่างต่อเนื่องจากการลงทุนที่สมเหตุสมผลอีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังค่อนข้างมีจำกัดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากผลประกอบการทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลประกอบการที่เข้มแข็งขึ้นของบริษัทย่อยหลักคือ บล. คันทรี่ กรุ๊ป และการลดการพึ่งพากำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลง ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากรายได้หลักของ บล. คันทรี่ กรุ๊ป หรือผลประกอบการทางการเงินของบริษัทเองปรับตัวลดลงอย่างมากอันเนื่องมาจากกิจกรรมการลงทุนหรือภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อนำไปลงทุนซึ่งวัดโดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การจัดอันดับเครดิตบริษัทหลักทรัพย์, 21 ธันวาคม 2560
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html