ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร ของ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะการแข่งขันของบริษัทในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังที่มีความผันผวน รวมถึงการให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อาหารที่เกี่ยวข้อง และนโยบายทางการเงินของผู้บริหารที่ค่อนข้างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนโดยธรรมชาติของสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเช่นแป้งมันสำปะหลัง ประกอบกับปริมาณวัตถุดิบมันสำปะหลังที่ผลิตได้ไม่แน่นอนในแต่ละฤดูกาล รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ในขณะที่ความไม่แน่นอนในประเทศจีนก็ถือว่าเป็นประเด็นด้านลบด้วยเช่นกัน
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ความผันผวนในอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง
อุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพาตลาดส่งออก อย่างไรก็ตาม ราคาแป้งมันสำปะหลังดิบยังคงมีความอ่อนไหวต่อราคาของต้นทุนวัตถุดิบ และสินค้าทดแทน โดยเฉพาะข้าวโพด ในปี 2561 ราคาขายส่งออกแป้งมันสำปะหลังเฉลี่ย (F.O.B. Bangkok) เพิ่มขึ้นเป็น 498 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เติบโต 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ค่อย ๆ ปรับตัวลดลงเป็น 451 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 สอดคล้องกับราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากผลผลิตหัวมันสำปะหลังในประเทศไทยที่กลับเข้าสู่ระดับปกติ
ด้านอุปทานก็มีการเผชิญกับสถานการณ์ที่ปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังปรับตัวลดลง50% ในปี 2561 เช่นกัน อันเนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลังและภาวะขาดแคลนพืชผลที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม นอกจากนี้ การที่ราคาของมันสำปะหลังในประเทศไทยปรับตัวลดลง ณ ช่วงปลายปี 2560 ยังจูงใจให้เกษตรกรเลือกปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า เช่น อ้อย เป็นต้น ซึ่งก่อให้เกิดการขาดแคลนหัวมันสำปะหลัง ดังนั้น ราคาวัตถุดิบจึงปรับตัวสูงขึ้นเร็วกว่าราคาขายในปี 2561
อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มราคาหัวมันสำปะหลังและแป้งมันสำปะหลังจะปรับตัวในทิศทางเดียวกันในระยะยาว
อัตรากำไรปรับตัวอ่อนลง
อัตรากำไรในอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาและความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน ปี 2561 นับเป็นปีแห่งความท้าทายของบริษัท เนื่องจากประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านประสบปัญหาภาวะขาดแคลนมันสำปะหลัง
ราคาขายส่งออกแป้งมันสำปะหลังเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 44% เป็น 498 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในปี 2561 จาก 345 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในปี 2560 แต่ต้นทุนวัตถุดิบหัวมันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้น 70% เป็น 2.38 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ในปี 2561 ดังนั้น อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทจึงลดลงเป็น 8.1% ในปี 2561 จาก 11.7% ในปี 2560
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนหัวมันสำปะหลังปรับตัวลดลงเป็น 2.35 บาทต่อ กก. ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 9%-11% ในปี 2562-2565 เนื่องจากกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้น จะทำให้ต้นทุนหัวมันสำปะหลังปรับตัวลดลง
การให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง
บริษัทมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง (HVA) และขยายบทบาทไปในตลาดโลกมากขึ้น บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นของแป้งมันสำปะหลังดิบอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 20% ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงอยู่ที่ระดับประมาณ 20%-25% แต่ในปี 2561 บริษัทมีรายได้จากผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังดิบคิดเป็น 45% ของรายได้รวม มีรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงคิดเป็น 35% และมีรายได้จากผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องคิดเป็น 20%
ในอนาคตข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูงและอาหารเป็น 66%-70% ของรายได้รวมและจะลดสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังดิบลงให้เหลือเพียง 30%-34%
ภาระหนี้ทางการเงินจะปรับตัวสูงขึ้นแต่ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้
อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเป็น 11.6% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 จากสถานะปลอดหนี้ ณ สิ้นปี 2561 เนื่องจากบริษัทมีการซื้อกิจการ บริษัท แม่สอด สตาร์ช จำกัด และ บริษัท แม่สอด ไบโอแก๊ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังและผู้ผลิตแก๊สชีวภาพในประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าทั้งสิ้น 548 ล้านบาท รวมถึงบริษัทมีค่าใช้จ่ายลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
คาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายลงทุนค่อนข้างผันแปรที่ระดับ 500-1,200 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2562-2565 ซึ่งค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนส่วนใหญ่บริษัทจะใช้เพื่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังระยะที่ 2 ในประเทศกัมพูชา ขยายสายการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและโรงงานก๊าซชีวภาพ และเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงประจำปี
ดังนั้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะสูงขึ้นที่ระดับ 4.6%-15.7% ในช่วงปี 2562-2565 อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจระหว่าง 7-15 เท่าในระหว่างปี 2562-2565
สภาพคล่องที่เพียงพอ
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จากสมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ในช่วง 580-640 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2562-2565 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 420 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2562 นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อยู่อีกจำนวน 1.011 พันล้านบาท บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระอยู่ที่ 60-1,060 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2562-2565
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• รายได้รวมของบริษัทจะปรับตัวลดลง 9%-14% ในปี 2562-2563 แต่จะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2% ต่อปีในช่วงปี 2564-2565
• อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ระดับ 18%-19% และ 9%-11% ตามลำดับ
• ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 พันล้านบาทในปี 2562 และ 500 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563-2565
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและวุ้นเส้นในประเทศไทยไว้ได้ รายได้จากผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูงจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาแป้งมันสำปะหลังที่จะมีต่ออัตรากำไรของบริษัทได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดในขณะที่สามารถรักษาระดับภาระหนี้ทางการเงินและรักษานโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังเอาไว้ได้
ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่กำไรและผลตอบแทนของบริษัทลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินที่มีความเสี่ยงมากขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิตของบริษัท
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500 ? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html