ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ทีทีดับบลิว” ที่ “AA-” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ที่ “AA-” แนวโน้ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 29, 2019 11:10 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1.0 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 8 ปีของบริษัท ที่ระดับ “AA-” ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปจ่ายชำระหนี้เดิมของบริษัท ตลอดจนนำไปใช้ลงทุนตามแผนงานและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นบริษัทเอกชนผู้ให้บริการน้ำประปาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศโดยมีกระแสเงินสดที่แน่นอน อีกทั้งอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจสำหรับคู่แข่งยังอยู่ในระดับสูง และฐานะทางการเงินของบริษัทที่มีความเข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าเนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นหลัก ในขณะเดียวกันบริษัทก็ยังเผชิญกับโอกาสในการขยายธุรกิจที่จำกัดในพื้นที่ดำเนินงานปัจจุบันของบริษัทอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทเอกชนผู้ให้บริการน้ำประปาที่ใหญ่ที่สุดโดยมีกระแสเงินสดที่แน่นอน

พื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลมาจากการที่บริษัทเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และการมีรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาซื้อขายน้ำระยะยาวที่มีกับ กปภ. จากข้อมูลของ กปภ. ระบุว่า บริษัทเป็นผู้ให้บริการน้ำประปาที่ใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 13 บริษัทที่มีสัญญาร่วมลงทุนกับ กปภ. โดยบริษัทจำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. ภายใต้สัญญาซื้อขายน้ำประปา 2 ฉบับ ซึ่ง กปภ. มีพันธะในการรับซื้อน้ำประปาจากบริษัทในปริมาณขั้นต่ำจำนวน 712,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน สัญญาฉบับแรกมีอายุ 25 ปีซึ่งจะครบกำหนดในปี 2566 และฉบับที่ 2 มีอายุ 30 ปีซึ่งจะครบกำหนดในปี 2577

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิในการดำเนินการผลิต จำหน่าย และให้บริการน้ำประปา รวมทั้งให้บริการบำบัดน้ำเสียในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินระยะเวลา 30 ปีอีกด้วย โดยสิทธิดังกล่าวจะหมดอายุในปี 2582

บริษัทมีรายได้หลักจากการให้บริการในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม-สมุทรสาครและเขตพื้นที่รังสิต-จังหวัดปทุมธานี โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 64% และ 31% ของรายได้ในปี 2561 ตามลำดับ อุปสงค์น้ำประปาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2561 และ ปี 2562 จากการขยายตัวของชุมชนที่พักอาศัยเป็นหลัก บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายน้ำประปาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 864,000 ลบ.ม. ต่อวันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 โดยเพิ่มขึ้นจาก 833,000 ลบ.ม. ต่อวันในปี 2561

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตที่ต่อเนื่องของชุมชนในพื้นที่ให้บริการของบริษัท โดยรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6.1-6.4 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2562-2565

อุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจอยู่ในระดับสูง

อุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจผลิตน้ำประปาในเขตพื้นที่ให้บริการของบริษัทนั้นถือว่าอยู่ในระดับสูง บริษัทเป็นเจ้าของท่อน้ำประธานและท่อจ่ายน้ำในพื้นที่ให้บริการบางส่วนซึ่งเป็นอุปสรรคต่อผู้ต้องการเข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากต้องได้รับสิทธิในการใช้พื้นที่สาธารณะสำหรับการก่อสร้างโครงข่ายส่งน้ำและต้องใช้เงินลงทุนที่สูงในการสร้างโครงข่ายระบบส่งและจ่ายน้ำประปา อีกทั้งแหล่งน้ำดิบและการได้สัมปทานจาก กปภ.ซึ่งมีความเป็นไปได้ในระดับต่ำก็เป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ที่จะเข้าสู่ธุรกิจอีกด้วยเช่นกัน

ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งและไม่มีแผนลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จึงน่าจะช่วยทำให้สภาพคล่องและภาระหนี้ของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้นในช่วงประมาณการ ทั้งนี้บริษัทมีอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านบาทต่อปี อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้คาดว่าจะสูงกว่า 80% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

สภาพคล่องและภาระหนี้ของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะต่ำกว่า 40% ในระยะ 3 ปีข้างหน้าซึ่งรวมการจ่ายชำระคืนหนี้ตามกำหนดและค่าใช้จ่ายในการลงทุน อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจนเกินกว่าระดับ 80% ในปี 2564 และ ปี 2565 จากระดับประมาณ 50% ในปี 2561 และ ณ เดือนกันยายน 2562 (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีโดยใช้ข้อมูล 12 เดือนย้อนหลัง)

บริษัทน่าจะมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทน่าจะเพียงพอสำหรับการจ่ายชำระหนี้ที่จะครบกำหนดจำนวน 3.6 พันล้านบาทในปี 2563 และแผนลงทุนอีกประมาณ 100-500 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่การจ่ายเงินปันผลของบริษัทนั้นประมาณการอยู่ที่จำนวน 2.4 พันล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นสัดส่วน 24.98% ใน บริษัท ซีเค

พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีมูลค่า 1.19 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ที่จะช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัทอีกด้วย

ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าและโอกาสในการขยายธุรกิจที่จำกัด

บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้า โดยบริษัทมี กปภ. เป็นลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียวและในขณะเดียวกันก็เป็นคู่แข่งรายสำคัญอีกด้วย ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมารายได้ต่อปีของบริษัทมาจาก กปภ. มากกว่า 95% อย่างไรก็ตาม สถานะเครดิตของ กปภ. ก็อยู่ในระดับที่ยอมรับได้เนื่องจากมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ นอกจากจะเป็นลูกค้าหลักแล้ว กปภ. ยังเป็นคู่แข่งของบริษัทด้วย เนื่องจาก กปภ. มีโรงกรองน้ำประปาและจ่ายน้ำในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่บริษัทให้บริการ

การเติบโตในอนาคตของบริษัทขึ้นอยู่กับการเติบโตภายในพื้นที่ให้บริการเดิมของบริษัทมากกว่าการขยายตัวไปในพื้นที่ให้บริการใหม่ โดยทาง กปภ. ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนงานทางธุรกิจสำหรับผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนแต่อย่างใด

พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่

พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่ที่ประกาศในปี 2561 อาจส่งผลกระทบบางส่วนต่อต้นทุนน้ำดิบของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ปัจจุบันบริษัทได้รับอนุญาตให้สามารถสูบน้ำดิบจากแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำเจ้าพระยาได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลออกกฎหมายใหม่และเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการสูบน้ำดิบจากบริษัท ภายใต้สัญญาซื้อขายน้ำประปา 1 ใน 2 ฉบับที่มีกับ กปภ. กปภ.จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของต้นทุนค่าน้ำดิบที่เพิ่มขึ้น

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

• รายได้ของบริษัทจะเติบโต 2%-3% ต่อปีในช่วงปี 2562-2565

• อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 81% ในช่วงปีประมาณการ

• งบการลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 100-500 ล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2562-2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพในการดำเนินธุรกิจและคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ อันดับเครดิตของบริษัทมีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากโอกาสที่จำกัดในการขยายธุรกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างคงที่

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้เป็นอย่างมากโดยไม่ทำให้ฐานะการเงินอ่อนแอลง ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นหากบริษัทมีการลงทุนโดยการก่อหนี้เพิ่มเป็นจำนวนมากจนส่งผลกระทบในทางลบต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TTW202A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 AA-
TTW222A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 AA-
TTW255A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 AA-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 8 ปี	                                      AA-
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ