ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลและอาหารสัตว์แปรรูปขนาดกลางในประเทศไทย รวมถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และการมีตลาดที่ครอบคลุมหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวก็ถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันที่รุนแรงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็งที่มีความแปรปรวนเป็นอย่างมาก ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศผู้นำเข้า
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
วงจรขาลงของอุตสาหกรรมและเงินบาทที่แข็งค่ากดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
อุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็งโดยเฉพาะกุ้งที่อยู่ในช่วงวงจรขาลงอย่างต่อเนื่องยาวนานส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทถดถอยลง ผลผลิตกุ้งที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศผู้ผลิตกุ้งชั้นนำส่งผลกระทบทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานและทำให้ราคากุ้งปรับตัวลดลง
เนื่องจาก 55% ของรายได้รวมของบริษัทมาจากการส่งออกสินค้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป ดังนั้น บริษัทจึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอยู่บางส่วน ในขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทก็ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นอย่างมาก รายได้รวมของบริษัทที่คิดเป็นมูลค่าเงินบาทลดลง 1% และ 12% ตามลำดับ ในปี 2561 และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวก็ลดทอนลงบางส่วนจากการที่บริษัทใช้สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
บริษัทมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 จาก 7.2% ในช่วงปี 2560-2561 ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 6% ในช่วงปี 2563-2565 จากผลของราคากุ้งที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับและการใช้
กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงอย่างระมัดระวังของบริษัท
ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเป็นสัดส่วนที่สำคัญของรายได้
ปัจจุบันรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงคิดเป็นสัดส่วน 31% ของรายได้รวมของบริษัทและยังคงเป็นสัดส่วนที่สำคัญด้วย
ผู้ซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทส่วนใหญ่คือลูกค้าต่างชาติในหลากหลายประเทศ บริษัทส่งออกอาหารสัตว์ในปี 2561 คิดเป็นปริมาณทั้งสิ้น 19,850 ตันเมื่อเทียบกับ 18,487 ตันในปี 2560 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.4% แต่ลดลงเหลือ 13,527 ตันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เนื่องจากลูกค้าบางรายชะลอคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2562 อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าปริมาณยอดขายจากการส่งออกของบริษัทจะฟื้นตัวในระยะเวลาอันใกล้นี้ซึ่งเกิดจากทั้งลูกค้าในกลุ่มเดิมและลูกค้าใหม่ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจอาหารสัตว์คิดเป็น 32%-33% ของรายได้รวมในช่วงปี 2563-2565 ในการนี้ บริษัทวางแผนจะนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในตลาดจีนและยุโรปโดยผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของกิจการร่วมค้าของบริษัท
ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม
บริษัทมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงในหมวดอาหารทะเลแช่แข็ง เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลทอด เป็นต้น พร้อมกับมีการขยายบทบาทไปในตลาดโลกมากขึ้น ปัจจุบัน บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงในหมวดอาหารทะเลแช่แข็งอยู่ที่ระดับ 12%-15% ในขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 10% แต่ในปี 2561 จนถึงในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งคิดเป็นสัดส่วน 35%-39% ของรายได้รวม ส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงนั้นยังคงคิดเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก ในอนาคตข้างหน้าบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มอัตรากำไรและลดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลง
ภาระหนี้จะปรับตัวลดลง แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง
อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทปรับตัวลดลงเหลือ 45.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 จากเดิมที่อยู่ในระดับประมาณ 50.7% ณ สิ้นปี 2561 จากความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทที่ลดลง บริษัทวางแผนงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายลงทุนไว้ทั้งสิ้นที่จำนวน 200-300 ล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2562-2563 อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนคาดว่าจะทยอยปรับตัวลดลงเหลือ 100-150 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2565 ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินรวมต่อเงินทุนของบริษัทจะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 50% ในระหว่างปี 2562-2563 และหลังจากนั้นจะทยอยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 47%-49% ในปี 2564-2565
สภาพคล่องค่อนข้างตึงตัว
สภาพคล่องของบริษัทคาดว่าจะยังคงค่อนข้างตึงตัวในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานของ
ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 380 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วงระยะเวลาเดียวกันที่จำนวน 618 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ณ เดือนกันยายน 2562 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดทั้งสิ้นจำนวน 120 ล้านบาทและมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อยู่ทั้งสิ้นอีกจำนวน 2.70 พันล้านบาท
ในอนาคต ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 13%-15% ในช่วงปี 2562-2565 ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 4-5 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• รายได้รวมของบริษัทจะปรับตัวลดลง 15% ในปี 2562 และ 2% ในปี 2563 ตามวงจรขาลงที่ยาวนานของอุตสาหกรรมและการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ตาม รายได้จะค่อย ๆ ปรับตัวเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2% ต่อปีในช่วงปี 2564-2565
• อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ในระดับ 5.7%-5.9% ในช่วงปี 2562-2565
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะทางการตลาดในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลแช่แข็งและอาหารสัตว์แปรรูปเอาไว้ได้ต่อไป แนวโน้มอันดับเครดิตตั้งอยู่บนสมมติฐานความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานและความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นพร้อมทั้งยังสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วให้อยู่ที่ระดับ 50% เอาไว้ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอและจัดการกับความเสี่ยงในการหาแหล่งเงินทดแทนได้อย่างเหมาะสมด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตในระยะใกล้นี้ยังไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากวงจรอุตสาหกรรมที่อยู่ในช่วงขาลงอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจปรับลดลงได้หากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างเห็นได้ชัด หรือบริษัทมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงกว่าคาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทไม่ควรอยู่ในระดับต่ำกว่า 10% เป็นระยะเวลานาน ในกรณีที่ระดับการก่อหนี้เพื่อขยายธุรกิจของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลทำให้งบการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญและทำให้เงินสดส่วนเกินที่รองรับการชำระหนี้ถดถอยลงก็จะเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ASIAN)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable