ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง มีระดับการก่อนหนี้ที่ต่ำ และได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงจากการที่บริษัทมีคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลง รวมถึงมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้าในระดับสูง และความไม่สอดคล้องกันของสินทรัพย์และหนี้สิน นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงก็จำกัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัทด้วย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งเชื่อว่าฐานเงินทุนของบริษัท ณ ปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการสนับสนุนแผนการดำเนินธุรกิจในระยะ 3 ปีข้างหน้า ฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งนี้เกิดจากอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ต่ำ การเติบโตของสินเชื่ออย่างระมัดระวัง และการมีผลกำไรอย่างสม่ำเสมอ
ความแข็งแรงของฐานทุนซึ่งวัดโดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทนั้น อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ในระดับปานกลางและลดลงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยอยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งอื่น ๆ ในฐานข้อมูลของ
ทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2562 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทอยู่ที่ 2.8 เท่าเทียบกับ 3.2 เท่าในเดือนธันวาคม 2561 และเมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งที่มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 เท่า
มีสภาพคล่องเพียงพอจากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นใหญ่
ทริสเรทติ้งมองว่าการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ และการมีแหล่งเงินกู้ยืมที่หลากหลายจากสถาบันการเงินอื่น ๆ ช่วยให้บริษัทยังคงสามารถดำเนินกิจการและชำระคืนหนี้ต่าง ๆ ได้ตามกำหนด
ณ เดือนกันยายน 2562 บริษัทมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 1.18 พันล้านบาทจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และจำนวน 2.11 พันล้านบาทจากธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงค์กิ้ง คอร์ปอเรชั่น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้พึ่งพาแหล่งเงินทุนจากธนาคารกรุงเทพเป็นหลักโดยบริษัทได้เก็บวงเงินกู้นี้เป็นแหล่งเงินทุนสำรองกรณีฉุกเฉินและเพื่อการบริหารสภาพคล่องของบริษัท ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2562 บริษัทมีภาระหนี้คงค้างกับธนาคารกรุงเทพเพียง 2.0% ของหนี้สินทั้งหมดของบริษัท
การแข่งขันจำกัดความสามารถในการทำกำไร
การแข่งขันที่รุนแรงกดดันต่อการเติบโตของสินทรัพย์และอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อของบริษัท ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนมีทิศทางที่ลดลงจากค่าเฉลี่ย 6.8% เป็น 6.4% อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนของบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า แต่ก็จำกัดสถานะทางการแข่งขันของบริษัทในตลาด
ทริสเรทติ้งคาดว่าการแข่งขันในตลาดลิสซิ่งเครื่องจักรและอุปกรณ์จะอยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่งเกิดจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนที่ต่ำจากธนาคารแม่และสถาบันการเงินที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จากญี่ปุ่น จึงทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้มีความสามารถในการรับอัตราผลตอบแทนที่ต่ำเนื่องจากได้รับเงินทุนต้นทุนต่ำจากบริษัทแม่ ดังนั้น ทริสเรทติ้งยังคงมองว่าอุตสาหกรรมนี้จะเผชิญกับแรงกดดันในด้านอัตราผลตอบแทนต่อไปอีกระยะหนึ่ง
คุณภาพสินทรัพย์ยังคงอ่อนแอต่อเนื่อง
คุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอยังคงเป็นประเด็นหลักที่ทริสเรทติ้งกังวล การกระจุกตัวของสินเชื่อเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญซึ่งทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2559 ลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งประสบกับปัญหาทางการเงินทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 8.7% อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตั้งสำรองสำหรับลูกหนี้รายนี้ไว้เต็มจำนวนในปี 2560
ในปี 2562 คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอ่อนแอลงต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 11% ซึ่งหากไม่รวมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รายใหญ่ที่เริ่มเกิดขึ้นในปี 2559 นั้น บริษัทจะมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 4.1% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 0.69% ณ สิ้นปี 2561 ทริสเรทติ้งมองว่าคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทจะอยู่ในระดับที่อ่อนแอต่อไปเนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายตัดหนี้สูญหรือการขายหนี้ตราบเท่าที่สินเชื่อยังไม่ได้รับการจัดการจนถึงที่สุด ณ เดือนธันวาคม 2562 ลูกหนี้รายใหญ่ 10 รายแรกของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนถึง 27% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของบริษัท ทริสเรทติ้งยังมองว่าสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงอาจทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มสูงขึ้นหากไม่มีการจัดการที่ดีพอ
ความไม่สอดคล้องกันของสินทรัพย์และหนี้สิน
บริษัทมีความไม่สอดคล้องกันในด้านอายุเฉลี่ยของโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สิน โดยบริษัทมีอายุเฉลี่ยของสินเชื่อที่ 42 ถึง 48 เดือน ในขณะที่บริษัทพึ่งพิงการกู้ยืมระยะสั้นเพื่อรักษาต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าความไม่สอดคล้องกันในอายุเฉลี่ยของสินทรัพย์และหนี้สินดังกล่าวไม่ได้เป็นประเด็นที่น่ากังวลนัก เนื่องจากเชื่อว่าบริษัทยังมีวงเงินที่เพียงพอซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ในการลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระยะสั้นได้
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 ดังนี้
• สินเชื่อใหม่ ทั้งสัญญาเช่าซื้อและเช่าการเงินของบริษัทจะเติบโต 5%-10% ต่อปี
• สัญญาเช่าดำเนินงานใหม่จะคงที่ในระดับเดิม
• อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ต่ำกว่า 3 เท่า
• อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของดอกเบี้ยรับจะอยู่ที่ระดับ 6%-7%%
• ค่าใช้จ่ายทางด้านเครดิตอยู่ที่ระดับประมาณ 3% ในปี 2563 เพื่อรองรับมาตราฐานบัญชีใหม่ TFRS9 และต่ำกว่า 1% ในปีต่อไป
• ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมอยู่ระหว่าง 42%-44% ต่อปี
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งเงินกู้ไปด้วย การพิจารณาแนวโน้มอันดับเครดิตยังรวมไปถึงความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงฐานทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอย และบริษัทจะมีผลประกอบการทางการเงินตามที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับลดลงได้หากบริษัทมีการเสื่อมถอยอย่างมีนัยสำคัญของฐานทุน อัตราการก่อหนี้และสถานะความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น การลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากหรือคุณภาพสินทรัพย์ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากสถานะทางการตลาดและ/หรือผลประกอบการทางการเงินปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งอาจปรับเพิ่มอันดับเครดิตหากบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริษัทมีสถานะเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินของธนาคารกรุงเทพภายใต้การกำกับดูแลแบบรวมกลุ่มของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งอันดับเครดิตของบริษัทมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นจากการคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธนาคารกรุงเทพ
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การจัดอันดับเครดิตบริษัทให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคาร, 7 พฤษภาคม 2561
บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด (BSL)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable