ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงธุรกิจเดินเรือเฟอร์รี่ของบริษัทในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีสถานะมั่นคงบนเส้นทางจากท่าเรือดอนสักถึงเกาะสมุยและเกาะพะงัน อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการที่บริษัทมีขนาดธุรกิจที่เล็ก ตลอดจนการกระจุกตัวของพื้นที่ในการเดินเรือ รวมทั้งภาระหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนของบริษัท โดยเฉพาะเพื่อการบำรุงรักษากองเรือเฟอร์รี่ และการสั่งต่อเรือใหม่
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
สถานะที่มั่นคงในธุรกิจเดินเรือเฟอร์รี่
สถานะทางธุรกิจที่มั่นคงของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทเป็นผู้ให้บริการเรือเฟอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และการมีคู่แข่งจำนวนน้อยราย ทั้งนี้ ในบริเวณท่าเรือดอนสักมีผู้ให้บริการเดินเรือเฟอร์รี่เพียง 2 รายเท่านั้น ในขณะเดียวกัน อุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจนี้ก็อยู่ในระดับสูงเนื่องจากผู้ให้บริการจำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตก่อน อีกทั้งที่ดินเพื่อสร้างท่าเรือใหม่ก็มีราคาที่สูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินบนเกาะสมุย โอกาสที่จะมีสิ่งอื่นมาทดแทนการให้บริการเรือเฟอร์รี่ในระยะสั้นถึงระยะกลางนั้นยังต่ำเนื่องจากเรือเฟอร์รี่ยังคงเป็นระบบการขนส่งเพียงระบบเดียวที่สามารถขนย้ายพาหนะไปมาระหว่างเกาะสมุยและเกาะพะงันได้
ปัจจุบัน บริษัทมีเรือเฟอร์รี่ทั้งหมดรวม 15 ลำ และยังเป็นเจ้าของท่าเรือสากลถึง 2 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือดอนสักและท่าเรือเกาะสมุย การมีขนาดกองเรือที่ใหญ่ และความสามารถในการควบคุมการขึ้นเรือ ลงเรือส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารการเดินเรือได้อย่างยืดหยุ่นและมีจำนวนรอบการให้บริการที่มากกว่าคู่แข่ง
ขนาดธุรกิจที่ยังเล็กและความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของพื้นที่
ขนาดของธุรกิจที่เล็กแสดงถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่จำกัดและความสามารถในการแบกรับภาระหนี้ที่ค่อนข้างต่ำ ในปี 2561 บริษัทมีรายได้ 750 ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรายปีอยู่ที่ 129 ล้านบาท รายได้ของบริษัทขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและเกาะสมุยเป็นอย่างมากอีกด้วย ทริสเรทติ้งเห็นว่าขนาดของตลาดที่เล็กและแหล่งรายได้ที่ไม่กระจายตัวจะเป็นปัจจัยปิดกั้นโอกาสในการเติบโตของบริษัทในระยะยาวและส่งผลให้บริษัทมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านลบที่เกิดในพื้นที่ดำเนินธุรกิจของบริษัท
รายได้เติบโตเล็กน้อย
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตเล็กน้อยในระยะสั้นถึงกลาง รายได้ของบริษัทขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของเกาะสมุยและเกาะพะงันซึ่งพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวบวกกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทในปี 2562 จะใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า และจะเติบโต 2%-4% ต่อปีในปี 2563-2564 และมีรายได้อยู่ที่ 740-790 ล้านบาทต่อปี ในปี 2562-2564 โดยการคาดการณ์รายได้ดังกล่าวมาจากการคาดว่ารายได้จากการขนส่งยานพาหนะจะยังเติบโตได้ในระดับปานกลาง โดยระหว่างปี 2557 ถึงปี 2561 รายได้จากการขนส่งยานพาหนะคิดเป็นสัดส่วนเกือบสองในสามของรายได้ต่อปีของบริษัท จำนวนยานพาหนะที่บริษัทขนส่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 6.8% ต่อปี สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทได้ขนส่งยานพาหนะจำนวน 505,539 คันโดยประมาณ หรือเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ในขณะที่รายได้จากการขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งคิดเป็น 25%-30% โดยประมาณ มีความผันผวนและอ่อนไหวต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมากกว่า โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการของบริษัทเพิ่มขึ้นเพียง 0.7% ต่อปี ในขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2562 จำนวนผู้โดยสารลดลง 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 0.84 ล้านคน สมมติฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้จากการขนส่งผู้โดยสารจะลดลงเฉลี่ย 5%-10% ในปี 2562-2563 และจะฟื้นตัวได้ในปี 2564
รายได้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นได้หากมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เรือเฟอร์รี่ของบริษัทยังคงมีพื้นที่เหลือสำหรับขนส่งผู้โดยสารได้อีกมาก โดยจำนวนผู้โดยสารที่บริษัทบรรทุกได้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ในระดับต่ำกว่า 20% ของความสามารถในบรรทุกสูงสุด ในขณะที่จำนวนยานพาหนะที่บริษัทบรรทุกอยู่ที่ประมาณ 70%-80% ของความสามารถในการบรรทุกสูงสุด บริษัทจึงพยายามที่จะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในหลาย ๆ วิธี อาทิ การจัดตั้งหน้าร้านขายตั๋วโดยสารในกรุงเทพฯ การว่าจ้างบริษัทรถโดยสารประจำทางเพื่อให้บริการรับส่งนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ไปยังท่าเรือดอนสักโดยตรง รวมไปถึงการวางแผนจะเปิดเส้นทางใหม่สู่เกาะพะลวยซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้เกาะสมุย เป็นต้น
คาดการณ์อัตรากำไรที่ 18%-21%
ผลการดำเนินงานของบริษัทใน 9 เดือนแรกของปี 2562 สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 121 ล้านบาท มีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย อยู่ที 21.7% ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรของบริษัทจะอยู่ในช่วงระหว่าง 18%-21% ในปี 2562-2564 และบริษัทจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 135-155 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ปัจจัยกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท คือความผันผวนของราคาน้ำมันดีเซลและอายุของกองเรือที่สูงโดยอายุเฉลี่ยของเรือเฟอร์รี่ของบริษัทอยู่ที่ 35 ปี ส่งผลให้บริษัทจะยังคงมีค่าใช้จ่ายสำหรับการบำรุงรักษาและการปรับปรุงด้านความปลอดภัยต่อไปในอนาคต รวมถึงการที่เรือเฟอร์รี่บางลำครบกำหนดการซ่อมแซมครั้งใหญ่และใช้ระยะเวลานาน
ภาระหนี้จะเพิ่มสูงขึ้น
ภาระหนี้ของบริษัทจะอยู่ในระดับต่ำ โดยใน 9 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย อยู่ที่ 0.6 เท่า (ปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) อย่างไรก็ดี ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตจากการที่บริษัทต้องลงทุนปรับปรุงคุณภาพเรือรวมถึงแผนการสั่งต่อเรือใหม่ โดยบริษัทมีแผนการลงทุนรวมประมาณ 600-700 ล้านบาทในปี 2563-2564 ซึ่งประมาณ 300 ล้านบาทจากจำนวนดังกล่าวจะใช้เพื่อการสั่งต่อเรือลำใหม่ ขณะที่อีกประมาณ 320 ล้านบาทจะถูกใช้เพื่อการบำรุงรักษา ปรับปรุงคุณภาพเรือ และการขยายท่าเรือ ซึ่งแผนการลงทุนขนาดใหญ่ดังกล่าวจะส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น จากสมมติฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ 2-3 เท่าในปี 2563-2564
สภาพคล่องจะบริหารจัดการได้
ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 120 ล้านบาทและเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 115 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2562 ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดรวมประมาณ 78 ล้านบาท และมีแผนการลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทจัดหาแหล่งเงินทุนให้ได้ก่อนดำเนินการสั่งต่อเรือลำใหม่
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• รายได้ของบริษัทในปี 2562 จะใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า และจะเติบโต 2%-4% ต่อปีในปี 2563-2564 อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ 18%-21%
• บริษัทมีแผนการลงทุนรวมประมาณ 600-700 ล้านบาทในปี 2563-2564
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งและตำแหน่งทางการตลาด พร้อมทั้งยังคงรักษาสถานะทางการเงินในระดับที่ดีเอาไว้ได้ ทั้งนี้ เส้นทางเรือข้ามฟากไปยังเกาะสมุยและเกาะพะงันจะยังคงเป็นแหล่งสร้างรายได้และปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตหลักของบริษัท
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถขยายฐานของกระแสเงินสดให้กว้างขึ้นและมีแหล่งรายได้ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นซึ่งอาจเกิดจากความสำเร็จในการขยายเส้นทางเรือเฟอร์รี่ใหม่นอกเขตพื้นที่เกาะสมุยหรือจากการสร้างธุรกิจใหม่
อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทถดถอยลงและ/หรือมีการเปลี่ยนแปลงในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจหรือโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งอาจจะปรับลดอันดับเครดิตลงหากสภาพคล่องของบริษัทตึงตัวมากขึ้น อันอาจจะเนื่องมาจากการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากก็ได้
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) (RP)
อันดับเครดิตองค์กร: BB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable