บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท อยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจสินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่ง (Leasing) เพื่อเช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม ตลอดจนการมีคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ การมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคู่แข่ง รวมทั้งการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูดลดทอนลงบางส่วนจากความเสี่ยงของการกระจุกตัวของฐานลูกค้าและคุณภาพเครดิตของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับลูกค้าธนาคารพาณิชย์
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งต่อความสามารถของคณะผู้บริหารของบริษัทในการขยายสินเชื่อและสร้างผลตอบแทนที่เพียงพออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรักษาต้นทุนการดำเนินงานในระดับต่ำเอาไว้ได้ ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังอยู่บนสมมติฐานที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงให้การสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินแก่บริษัทต่อไป
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง เป็นหนึ่งในผู้นำของผู้ประกอบการให้สินเชื่อเช่าการเงิน (Financial Lease) ซึ่งเน้นการให้สินเชื่อสำหรับเช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม บริษัทก่อตั้งในปี 2534 โดยความร่วมมือของสถาบันการเงิน 3 แห่ง คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา International Finance Corporation (IFC) หรือองค์กรการเงินระหว่างประเทศ และ Korea Development Leasing Corporation (KDLC) ซึ่งเป็นบริษัทให้สินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพิ่มขึ้นจากเมื่อเริ่มก่อตั้งที่ 40% เป็น 76% ณ ปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทสนับสนุนกลยุทธ์ของธนาคารในการที่จะดำเนินธุรกิจการธนาคารแบบครบวงจร (Universal Banking) ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าธนาคารจะยังคงให้ความร่วมมือทางธุรกิจและให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานถึง 14 ปี เมื่อรวมกับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นต่างชาติ และผู้บริหารที่มีประสบการณ์มีผลทำให้บริษัทบริษัทอยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง สามารถขยายสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง บริษัทได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับต่ำ โดยในระหว่างปี 2543-2546 บริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 14.5% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของคู่แข่งที่ 27.8%
จำนวนลูกค้าที่มีน้อยประมาณ 200 รายส่งผลให้บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของฐานลูกค้า ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางซึ่งมักมีอุปสรรคในการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เนื่องจากขาดหลักฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งพอ ลักษณะของธุรกิจสินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งและนโยบายของบริษัท เช่น การเรียกเก็บเงินประกันการเช่า การรับประกันการซื้อคืนจากผู้จัดจำหน่าย และการแจ้งโอนการชำระหนี้จากลูกค้าของผู้เช่า จะช่วยลดโอกาสที่บริษัทจะขาดทุนจากการผิดนัดชำระของลูกหนี้ได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการยึดสินทรัพย์ให้เช่าและโอกาสที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ที่มากกว่าจากการที่ลูกหนี้ส่วนใหญ่มีคุณภาพเครดิตที่ด้อยกว่าลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์อาจส่งผลให้บริษัทมีภาระต้องตั้งสำรองการขาดทุนซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งต่อความสามารถของคณะผู้บริหารของบริษัทในการขยายสินเชื่อและสร้างผลตอบแทนที่เพียงพออย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรักษาต้นทุนการดำเนินงานในระดับต่ำเอาไว้ได้ ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังอยู่บนสมมติฐานที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงให้การสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินแก่บริษัทต่อไป
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง เป็นหนึ่งในผู้นำของผู้ประกอบการให้สินเชื่อเช่าการเงิน (Financial Lease) ซึ่งเน้นการให้สินเชื่อสำหรับเช่าเครื่องจักรและอุปกรณ์อุตสาหกรรม บริษัทก่อตั้งในปี 2534 โดยความร่วมมือของสถาบันการเงิน 3 แห่ง คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา International Finance Corporation (IFC) หรือองค์กรการเงินระหว่างประเทศ และ Korea Development Leasing Corporation (KDLC) ซึ่งเป็นบริษัทให้สินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทของธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพิ่มขึ้นจากเมื่อเริ่มก่อตั้งที่ 40% เป็น 76% ณ ปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทสนับสนุนกลยุทธ์ของธนาคารในการที่จะดำเนินธุรกิจการธนาคารแบบครบวงจร (Universal Banking) ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าธนาคารจะยังคงให้ความร่วมมือทางธุรกิจและให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจที่ยาวนานถึง 14 ปี เมื่อรวมกับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นต่างชาติ และผู้บริหารที่มีประสบการณ์มีผลทำให้บริษัทบริษัทอยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลีสซิ่ง สามารถขยายสินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง บริษัทได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับต่ำ โดยในระหว่างปี 2543-2546 บริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 14.5% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของคู่แข่งที่ 27.8%
จำนวนลูกค้าที่มีน้อยประมาณ 200 รายส่งผลให้บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของฐานลูกค้า ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางซึ่งมักมีอุปสรรคในการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เนื่องจากขาดหลักฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งพอ ลักษณะของธุรกิจสินเชื่อให้เช่าแบบลีสซิ่งและนโยบายของบริษัท เช่น การเรียกเก็บเงินประกันการเช่า การรับประกันการซื้อคืนจากผู้จัดจำหน่าย และการแจ้งโอนการชำระหนี้จากลูกค้าของผู้เช่า จะช่วยลดโอกาสที่บริษัทจะขาดทุนจากการผิดนัดชำระของลูกหนี้ได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการยึดสินทรัพย์ให้เช่าและโอกาสที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ที่มากกว่าจากการที่ลูกหนี้ส่วนใหญ่มีคุณภาพเครดิตที่ด้อยกว่าลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์อาจส่งผลให้บริษัทมีภาระต้องตั้งสำรองการขาดทุนซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ