ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท และหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท “บ. ทรู คอร์ปอเรชั่น” ที่ระดับ “BBB+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 23, 2020 09:03 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ยืมและ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท

อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจรในประเทศไทย ตลอดจนความแข็งแกร่งทางการตลาดของธุรกิจหลักของบริษัท และผลประกอบที่น่าพอใจ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทคือเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือกลุ่มซีพีและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์คือ China Mobile International Holdings Ltd. (China Mobile) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังมีปัจจัยลดทอนจากภาระหนี้สินทางการเงินที่อยู่ในระดับสูงของบริษัทและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก ในขณะเดียวกัน การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณารวมไปถึงเงินลงทุนจำนวนมากที่บริษัทต้องใช้ในการขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และใช้ชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่ด้วย

ในปี 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าการห้ามเดินทางท่องเที่ยวเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 จะส่งผลทำให้รายได้จากซิมท่องเที่ยวและรายได้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ (International Roaming) ของ “ทรูมูฟ เอช” ลดลง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่ารายได้จากการให้บริการโทรทัศน์ระบบเคเบิ้ลของ “ทรูวิชั่นส์” จะได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งอีกด้วยเนื่องจากโรงแรมหลายแห่งที่เป็นลูกค้าของทรูวิชั่นส์ต้องปิดดำเนินการชั่วคราว แต่ในทางตรงกันข้าม

ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการให้บริการสื่อสารข้อมูลทางโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้บริการด้านข้อมูลที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากมาตรการในการขอความร่วมมือทำงานจากบ้าน (Work-from-home) ของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะมีจำนวนผู้ใช้บริการในธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวอีกด้วย

ผลการดำเนินงานของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2563 ทั้งสิ้น 3.54 หมื่นล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นรายได้จากการให้บริการจำนวน 2.66 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 3% อันเป็นผลมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจให้บริการสื่อสารแบบไร้สายและธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นสำคัญ ในขณะที่รายได้จากการให้บริการโทรทัศน์แบบตอบรับสมาชิกลดลงอันเป็นผลจากการที่ธุรกิจได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ต้องมีการเลื่อนกิจกรรมบันเทิงและการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาออกไป อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่เกี่ยวข้องก็ลดลงตามไปด้วย

ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งดำเนินงานโดยทรูมูฟ เอช ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 30.3 ล้านราย ณ เดือนมีนาคม 2563 บริษัทสร้างรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ที่ระดับ 2.01 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 1.6% ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช ยังคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งไว้ได้อย่างต่อเนื่องโดยเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของประเทศ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 30.6% ของรายได้รวมของทั้งอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ บริษัทยังคงสถานะผู้นำในธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทยอีกเช่นกัน โดยรายได้จากธุรกิจดังกล่าวเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากธุรกิจให้บริการโทรทัศน์แบบตอบรับสมาชิกลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 7% เนื่องจากการลดลงของค่าสมาชิกตอบรับ รวมไปถึงรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับกิจกรรมด้านบันเทิง และรายได้โฆษณา

บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 1.37 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 9.7 พันล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ 1.16 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้นจะช่วยลดความเสี่ยงจากภาระหนี้สินทางการเงินจำนวนมากของบริษัทลงได้บ้าง

อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดจากการมีความเสี่ยงทางการเงินจากการลงทุนในระดับสูง กล่าวคือ ณ เดือนมีนาคม 2563 บริษัทมีหนี้สินปรับปรุงสุทธิอยู่ที่ 3.83 แสนล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วต่อโครงสร้างเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ระดับ 82% ณ เดือนมีนาคม 2563 จากระดับ 72% ณ ปลายปี 2562 อันเป็นผลจากรายการปรับปรุงและการจัดประเภทรายการใหม่หลังการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS16) ในขณะที่บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ระดับ 8.4 เท่าและมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ระดับ 7%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดเอาไว้ได้และจะมีผลการดำเนินงานที่ดีในกลุ่มธุรกิจหลักซึ่งได้แก่ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมทั้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะได้รับการสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์และ China Mobile อย่างต่อเนื่องต่อไปซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนคุณภาพเครดิตของบริษัท

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัดในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้าเมื่อพิจารณาจากฐานะการเงินของบริษัทในปัจจุบันซึ่งมีภาระหนี้สูง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญพร้อมกับลดภาระหนี้สินทางการเงินลงได้ ในขณะที่อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงจนส่งผลให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินต่ำกว่า 5% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง

อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันในทางลบได้เช่นกันหากผลสรุปของคดีความต่าง ๆ เช่น ประเด็นส่วนแบ่งรายได้ หรือการประเมินภาษีสรรพสามิต หรือประเด็นอื่น ๆ มีผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานะทางการเงินของบริษัท

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TRUE207A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+

TRUE208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,835 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+

TRUE20OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,175 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 BBB+

TRUE211A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,640 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

TRUE212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,337.30 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

TRUE215A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,224.30 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

TRUE215B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

TRUE217A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,625 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

TRUE217B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

TRUE21OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,360 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

TRUE221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 12,246 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

TRUE221B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

TRUE225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

TRUE227A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 945 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

TRUE228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,799.10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

TRUE228B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 830 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

TRUE232A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,330 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+

TRUE239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+

TRUE248A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,841.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+

TRUE24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,325 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+

TRUE258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 650 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+

TRUE22NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน 8,330 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe)

ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี 6 เดือน BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ