ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์” ที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 23, 2020 13:18 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 6 พันล้านบาทของบริษัทที่ประกาศเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ระดับ “BBB+” ด้วยเช่นกัน

การประกาศของเครดิตวาระฉบับนี้เป็นไปเพื่อปรับปรุงวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ของบริษัทให้เป็นไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้สำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และสำหรับซื้อที่ดินที่จังหวัดสงขลา

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าของบริษัทจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreements -- PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตลอดจนการมีอัตรากำไรที่สูงจากส่วนเพิ่มของราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) และการมีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่สามารถแข่งขันได้ และสถานะการเงินที่ยังแข็งแรง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากการมีความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่ค่อนข้างสูงของโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (Refuse-derived fuel--RDF) รวมถึงความกังวลที่เกี่ยวกับการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทโดยใช้หนี้เงินกู้ใน “โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ” (Special Economic Zone -- SEZ) ในภาคใต้ของประเทศไทย

บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต “BBB+/Stable” จากทริสเรทติ้ง) เมื่อพิจารณาถึงสถานะเฉพาะของบริษัทโดยไม่รวมบริษัทแม่แล้ว (Stand-alone Basis) บริษัทได้รับอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A” ซึ่งสะท้อนถึงสถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่งกว่าของบริษัทแม่ อย่างไรก็ตาม ตามระเบียบวิธีการจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่มของทริสเรทติ้งนั้น อันดับเครดิตของบริษัทจะถูกจำกัดให้มีอันดับเครดิตไม่เกินบริษัทแม่ซึ่งปัจจุบันอันดับเครดิตของบริษัท ทีพีไอ โพลีนอ ยู่ที่ระดับ “BBB+”

บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมพร้อมที่จะยื่นขอเป็นผู้พัฒนาในโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษในภาคใต้ของรัฐบาล ในการนี้ รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการดังกล่าวในจังหวัดสงขลาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของภาคใต้ของประเทศไทย โดยผ่านการส่งเสริมด้านอุตสาหกรรม การส่งออก การจ้างงาน รวมถึงความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในพื้นที่ โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจะประกอบไปด้วย ท่าเรือน้ำลึก นิคมอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าขนาด 3,700 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้ก๊าซธรรมชาติ ชีวมวล หรือแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้พัฒนาโครงการดังกล่าว บริษัทจึงได้ทยอยรวบรวมซื้อที่ดินไว้จำนวน 16,700 ไร่ในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท

ในมุมมองของเรา การซื้อที่ดินมีแนวโน้มที่จะทำให้ระดับหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นจนกว่าโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจะเริ่มสร้างผลตอบแทนได้ แม้ว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติเห็นชอบในหลักการในการเริ่มพัฒนาโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสงขลาดังกล่าว เราเชื่อว่าการพัฒนาอาจจะต้องใช้เวลานานเนื่องจากขั้นตอนของระบบราชการที่ใช้เวลานาน นอกจากนี้ โครงการยังต้องการได้รับการอนุมัติเพิ่มเติมจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนที่การพัฒนาจะเริ่มขึ้นได้ ในกรณีที่บริษัทได้รับสิทธิ์อย่างเป็นทางการในการพัฒนาโครงการดังกล่าว บริษัทจะยังต้องใช้จ่ายเงินลงทุนอีกจำนวนมาก แต่เราคาดว่าบริษัทจะบริหารจัดการโครงสร้างโครงการและจัดหาแหล่งเงินทุนอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ของงบการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ด้อยลง อย่างไรก็ตาม หากการพัฒนาโครงการประสบความสำเร็จ โครงการดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยใหม่ที่จะขับเคลื่อนให้กระแสเงินสดของบริษัทมีการเติบโตและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในระยะยาวด้วยเช่นกัน

ในด้านสถานะทางการเงิน เราคาดว่ากระแสเงินสดของบริษัทจะปรับตัวดียิ่งขึ้น อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิง RDF น่าจะดีขึ้นหลังจากการติดตั้งหม้อไอน้ำชุดใหม่เสร็จสมบูรณ์ในปี 2563 กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 6 พันล้านบาทในปี 2563 และเป็น 6.5 พันล้านบาทในปี 2564 ก่อนที่จะลดลงเหลือ 5.8 พันล้านบาทในปี 2565 โดยกำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากส่วนเพิ่มของราคารับซื้อไฟฟ้าสำหรับกำลังการผลิตตามสัญญาจำนวน 73 เมกะวัตต์จากทั้งหมด 163 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มหมดอายุในปี 2565 ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทจะยังสามารถขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ได้ในอัตราค่าไฟฟ้าพื้นฐาน อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย คาดว่าจะลดลงเนื่องจากโรงไฟฟ้าถ่านหินจะมีส่วนร่วมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรดังกล่าวโดยรวมจะยังคงอยู่ในระดับสูง โดยจะอยู่ในช่วง 48%-52%

ทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะทางการเงินของบริษัทจะยังคงแข็งแกร่ง ภายใต้สมมุติฐานขั้นพื้นฐานสำหรับปี 2563-2565 คาดว่าการใช้จ่ายเงินลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ 1.67 หมื่นล้านบาท โดยจะแบ่งใช้สำหรับการจัดซื้อที่ดิน การเบิกจ่ายสำหรับการปรับปรุงโรงไฟฟ้า และโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ในโรงไฟฟ้าพลังงานจากเชื้อเพลิงขยะ เราคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อส่วนทุนจะอยู่ระหว่าง 30%-35% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับ 2-3 เท่า อัตราส่วนทางการเงินเหล่านี้บ่งบอกถึงระดับภาระหนี้สินที่ยังคงไม่น่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเน้นย้ำว่าเนื่องจากบริษัทนั้นอยู่ในช่วงของการแสวงหาการเติบโต ดังนั้นเงินลงทุนของบริษัทก็มีความเป็นไปได้ว่าจะสูงกว่าที่คาดการณ์ได้

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของเราว่าการดำเนินงานโรงไฟฟ้าของบริษัทจะยังคงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัท ทีพีไอ โพลีน ต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่จะมีต่ออันดับเครดิตของบริษัทแม่ก็จะส่งผลต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีจำกัดจากแนวโน้มการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ และโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ในทางกลับกัน การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากผลประกอบการของบริษัทอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือหากบริษัทมีการลงทุนที่ใช้เงินกู้มากเกินไปและส่งผลให้หนี้สินรวมของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตยังอาจปรับลดลงได้เช่นกันหากทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตของบริษัท ทีพีไอ โพลีน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558

บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (TPIPP)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TPIPP21NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+

TPIPP22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ