ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “บ. ดั๊บเบิ้ล เอ (1991)” เป็น “BBB” จาก “BBB-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 28, 2020 10:00 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “BBB” จากเดิมที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ การเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาทที่ระดับ “BBB” อีกด้วย โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะใช้ทดแทนอันดับเครดิตหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 3.65 พันล้านบาทที่ประกาศผลไปเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 เนื่องจากบริษัทตัดสินใจปรับเพิ่มวงเงินของหุ้นกู้ที่จะออกจำหน่าย ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมทั้งเพื่อขยายธุรกิจ และชำระหนี้

อันดับเครดิต “BBB” ยังคงสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนของไทยและความแข็งแกร่งของตราสัญลักษณ์ “ดั๊บเบิ้ล เอ” (Double A) อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นและลงของอุตสาหกรรมการผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ รวมถึงอุปสงค์ของกระดาษพิมพ์เขียนในประเทศไทยและทั่วโลกที่ชะลอตัว ในขณะเดียวกัน การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการขยายธุรกิจของบริษัทไปสู่อุตสาหกรรมกระดาษบรรจุภัณฑ์เมื่อเร็ว ๆ นี้อีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทได้นำแผนปรับปรุงการดำเนินงานมาใช้ ซึ่งแผนดังกล่าวประกอบไปด้วยการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการผสมผสานของผลิตภัณฑ์ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการลดค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ในขณะที่การขายกิจการโรงงานผลิตกระดาษ Alizay ที่มีต้นทุนสูงออกไปในปี 2561 ก็ช่วยให้ความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย

อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 20% มาตั้งแต่ปี 2561 จากระดับต่ำที่ 8.2% ในปี 2559 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2561-2562 จากระดับต่ำกว่า 3 พันล้านบาทต่อปีในช่วงก่อนปี 2560 ความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทลดลงต่ำกว่าระดับ 4 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับระดับ 5-10 เท่าในอดีต

การดำเนินงานแบบครบวงจรช่วยสนับสนุนขีดความสามารถในการแข่งขัน

ขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนของไทยเป็นผลมาจากธุรกิจของบริษัทที่มีการดำเนินงานแบบครบวงจรตั้งแต่การผลิตเยื่อกระดาษไปจนถึงการผลิตกระดาษ โดยการดำเนินงานดังกล่าวทำให้เกิดการผสานพลัง (Synergy) และช่วยควบคุมต้นทุน ทั้งนี้ การที่เยื่อกระดาษซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตกระดาษมีลักษณะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์จึงทำให้ราคาเยื่อกระดาษมีความผันผวน ดังนั้น ผู้ผลิตกระดาษที่มีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษเป็นของตนเองจึงมีความได้เปรียบในด้านต้นทุน บริษัทมีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษเป็นของตนเองที่ดำเนินการร่วมกันกับโรงงานผลิตกระดาษในจังหวัดปราจีนบุรี

การขยายธุรกิจไปสู่ผลิตภัณฑ์กระดาษบรรจุภัณฑ์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมกระดาษบรรจุภัณฑ์ โดยในปี 2562 บริษัทได้สร้างโรงงานผลิตเยื่อกระดาษแห่งใหม่ที่ใช้กระดาษใช้แล้วเป็นวัตถุดิบ โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับโรงงานผลิตเยื่อกระดาษเดิมของบริษัทในจังหวัดปราจีนบุรี มีกำลังการผลิต 270,000 ตันต่อปี ใช้เงินลงทุนเกือบ 1 พันล้านบาท โรงงานเริ่มทำการผลิตในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 และคาดว่าจะเดินเครื่องเต็มกำลังในปี 2564 บริษัทมีสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์ระยะเวลา 3 ปีกับผู้ผลิตกระดาษรายหนึ่งในประเทศจีนคือกลุ่ม Shanying โดยสัญญาดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงในด้านการจัดหาวัตถุดิบและความต้องการซื้อเนื่องจากคู่สัญญาจะจัดหาวัตถุดิบในการผลิตให้แก่บริษัทและให้ประกันการซื้อขั้นต่ำสำหรับเยื่อกระดาษที่บริษัทผลิต นอกจากนี้ บริษัทยังได้เริ่มผลิตกระดาษคราฟท์ที่โรงงานของตนเองในจังหวัดปราจีนบุรีในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อีกด้วย โดยบริษัทสามารถผลิตได้มากถึง 250,000 ตันต่อปีตามกำลังการผลิตในปัจจุบัน ซึ่งการกระจายความเสี่ยงไปสู่กระดาษบรรจุภัณฑ์ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความต้องการกระดาษพิมพ์เขียนที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทั้งนี้ การบริโภคกระดาษพิมพ์เขียนทั่วโลกลดลงในอัตราเฉลี่ย 3.3% ต่อปีในช่วงปี 2558-2562 ในขณะที่อัตราการบริโภคกระดาษบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 1.6% ต่อปี (ที่มา: บลูมเบิร์ก)

ทริสเรทติ้งคาดว่าผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) จะทำให้รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทลดลงเหลือประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาทในปี 2563 จาก 1.92 หมื่นล้านบาทในปี 2562 โดยรายได้จากการจำหน่ายกระดาษในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ลดลง 23.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 6.91 พันล้านบาท รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทคาดว่าน่าจะฟื้นตัวในปี 2564 และจะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับ 2.2 หมื่นล้านบาทในปี 2565 จากการมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่คือเยื่อกระดาษที่ผลิตจากกระดาษใช้แล้วและกระดาษคราฟท์ ทริสเรทติ้งคาดว่าเยื่อกระดาษที่ผลิตจากกระดาษใช้แล้วและกระดาษคราฟท์จะสร้างรายได้รวมกันที่ระดับ 3-4 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2565 ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับ 4-5 พันล้านบาทต่อปี โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ที่ระดับสูงกว่า 20%

การก่อหนี้น่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับปัจจุบัน

ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับการก่อหนี้ของบริษัทจะทรงตัวอยู่ที่ระดับปัจจุบัน แม้บริษัทวางแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเยื่อกระดาษที่ผลิตจากกระดาษใช้แล้ว แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานน่าจะเพียงพอที่จะรองรับเงินลงทุนได้ ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินลงทุนของบริษัทน่าจะอยู่ในช่วง 1-1.2 พันล้านบาทต่อปี เมื่อพิจารณาถึงภาระหนี้ที่ต้องชำระจำนวน 2.5-3 พันล้านบาทต่อปีแล้ว เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทที่คาดว่าจะอยู่ในช่วง 3-4 พันล้านบาทนั้นน่าจะรองรับรายจ่ายได้เกือบทั้งหมด ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 55% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ในช่วง 3-4 เท่าในช่วงปี 2563-2565

สภาพคล่องน่าจะบริหารจัดการได้

บริษัทน่าจะสามารถบริหารจัดการกับสภาพคล่องได้อย่างเหมาะสมในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยในช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนธันวาคม 2563 บริษัทมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระทั้งสิ้นประมาณ 2.84 พันล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นเงินกู้ระยะสั้นสำหรับใช้เป็นทุนหมุนเวียน 2.61 พันล้านบาทและเงินกู้ระยะยาวจากธนาคารอีก 0.23 พันล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดรวมกันอยู่ที่จำนวน 0.85 พันล้านบาท รวมทั้งยังมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่า 1.64 พันล้านบาท และลูกหนี้การค้าอีกประมาณ 3 พันล้านบาท สินทรัพย์สภาพคล่องเหล่านี้น่าจะเพียงพอในการรองรับภาระหนี้ทั้งหมดที่จะครบกำหนดในปี 2563 ได้ บริษัทไม่มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระในช่วงที่เหลือของปี 2563 แต่มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 2.2 พันล้านบาทในปี 2564 ในการนี้ บริษัทวางแผนจะหาแหล่งเงินทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2564 บางส่วนด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่

หุ้นกู้ของบริษัทมีข้อกำหนดในการดำรงอัตราส่วนทางการเงินในส่วนของอัตราส่วนเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนที่ระดับไม่เกิน 2 เท่า ในขณะที่อัตราส่วนดังกล่าว ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 อยู่ที่ 1.2 เท่า ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ตลอดช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

สมมติฐานพื้นฐาน

• รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะอยู่ในช่วง 1.8-2.2 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2565

• อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะทรงตัวอยู่เหนือระดับ 20%

• อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ในช่วง 3-4 เท่า

• เงินลงทุนรวมต่อปีจะอยู่ในช่วง 1-1.2 พันล้านบาทต่อปี

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนเอาไว้ได้ การขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์กระดาษบรรจุภัณฑ์จะช่วยกระจายความเสี่ยงของแหล่งรายได้และสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในช่วงที่การบริโภคกระดาษพิมพ์เขียนมีแนวโน้มลดต่ำลง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตในระยะอันใกล้มีโอกาสค่อนข้างจำกัด ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงได้หากผลกระทบจากโรคโควิด 19 ที่มีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทมีความรุนแรงมากกว่าที่คาดไว้หรือหากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอกว่าที่คาดไว้

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) (DA)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

DA235A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB

DA241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,350 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB

DA252A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปี BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ