ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
สถานะเป็นบริษัทย่อยหลักของกลุ่ม GPSC
สถานะเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงการเป็นบริษัทย่อยหลักของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ ?AA-? โดยทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ได้ซื้อบริษัทอย่างสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2562 และถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 99.8% ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่จะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจากการปฏิบัติการที่ผสานกันมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังสร้างผลกำไรที่สำคัญให้แก่กลุ่มอีกด้วย โดยกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทคิดเป็นประมาณ 60% ของกลุ่ม
กระแสเงินสดยังคงแข็งแกร่ง
ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง จากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ยาวนานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และลูกค้าอุตสาหกรรมหลายราย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,093 เมกะวัตต์ ซึ่งสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับ กฟผ. ครอบคลุมประมาณ 70% ของกำลังการผลิต โดยในส่วนที่เหลือนั้นบริษัทมีการทำสัญญากับลูกค้าอุตสาหกรรมหลายราย ทั้งนี้ กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 2,771
เมกะวัตต์
สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ให้ประโยชน์ต่อสถานะเครดิตของบริษัทเป็นอย่างมาก เนื่องจากเงื่อนไขในสัญญาช่วยป้องกันความเสี่ยงด้านอุปสงค์และความเสี่ยงด้านราคาเชื้อเพลิง ซึ่งส่งผลให้กำไรของบริษัทมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ สัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าอุตสาหกรรมยังช่วยเสริมให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคง เนื่องจากมีการกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำไว้ในสัญญา และลูกค้าของบริษัทเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีรายใหญ่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดซึ่งมีความต้องการไฟฟ้าจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาที่บริษัททำไว้กับ กฟผ. จะลดลงประมาณ 300 เมกะวัตต์ในระหว่างปี 2565-2568 เนื่องจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 7 ฉบับภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) จะทยอยหมดอายุ แต่ทั้งนี้ สัญญาดังกล่าวจะได้รับการต่ออายุออกไป แต่กำลังการผลิตตามสัญญาใหม่นั้นจะลดลงเหลือ 30 เมกะวัตต์ต่อสัญญา จากเดิมที่ 60-90 เมกะวัตต์ต่อสัญญา
ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีเยี่ยม
ทริสเรทติ้งเชื่อว่าผลงานในการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าที่ดีเยี่ยมของบริษัทจะยังคงดำเนินต่อไปและเป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้รายได้และผลกำไรของบริษัทมีเสถียรภาพในระยะยาว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัจจัยชี้วัดต่าง ๆ ของบริษัทได้แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่เชื่อถือได้ อาทิ ค่าความพร้อมของโรงงานที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงอัตราค่าความร้อนของโรงงานและต้นทุนการผลิตที่อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการโครงการต่าง ๆ จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ SPP และโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) ในอดีตที่ผ่านมาอีกด้วย
ความเสี่ยงด้านราคาเชื้อเพลิง
บริษัทมีความเสี่ยงด้านราคาเชื้อเพลิงบางส่วนซึ่งมาจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีต่อลูกค้าอุตสาหกรรม ความเสี่ยงนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) และต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าที่มีโอกาสจะไม่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ การปรับค่าไฟฟ้าผันแปรนั้นมีความล่าช้า อีกทั้งเวลาและขนาดของการปรับก็จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหน่วยงานที่รับผิดชอบ การเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันระหว่างค่าไฟฟ้าผันแปรและต้นทุนเชื้อเพลิงส่งผลทำให้กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทมีความผันผวนได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวมีจำกัดเนื่องจากรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมนั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียง 25%-30% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
EBITDA ยังคงแข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 1.45 -1.55 หมื่นล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563-2565 ทริสเรทติ้งประเมินผลกระทบของโควิด 19 นั้นมีน้อยเนื่องจากการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าปิโตรเคมีนั้นสามารถฟื้นตัวได้ดี ปัจจัยบวกที่อาจทำให้ผลกำไรเพิ่มขึ้นในระยะอันใกล้นี้น่าจะเกิดจากต้นทุนที่ลดลงและผลประโยชน์ร่วมจากการเชื่อมต่อการปฏิบัติงานระหว่างบริษัทและบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่
จากกำลังการผลิตตามสัญญากับ กฟผ. ที่จะลดลงหลังจากการต่ออายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่นั้น ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้หรือกระแสเงินสดของบริษัทจะเริ่มลดลงในช่วงปี 2566-2568 อย่างไรก็ตาม การลดลงส่วนหนึ่งจะได้รับการชดเชยจากยอดขายไอน้ำที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบันได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีกำลังการผลิตไอน้ำมากขึ้นด้วย
สถานะด้านการเงินยังคงแข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ไม่เกิน 2.5 เท่าใน 3 ปีข้างหน้า เนื่องจากการลงทุนใหม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการโดยบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ เงินลงทุนที่สำคัญของบริษัทส่วนใหญ่จะใช้สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้า GEN Phase 2, GSPP2, และ GSPP3 เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม และเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการ Synergy กับ บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่
ตามนโยบายของกลุ่มแล้ว บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่จะเป็นศูนย์กลางในการควบคุมการบริหารการเงินของบริษัทย่อยต่าง ๆ ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าภาระหนี้สินของบริษัทน่าจะลดลงเนื่องจากหุ้นกู้ที่ครบกำหนดของบริษัท น่าจะถูกทดแทนด้วยการออกหุ้นกู้ใหม่โดยบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่เอง ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินสดส่วนเกินที่มีอยู่ในปัจจุบันของบริษัทจะจ่ายเป็นเงินปันผลเพื่อสนับสนุนแผนการลดภาระหนี้บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่
สมมุติฐานกรณีพื้นฐาน
? รายได้คาดว่าจะอยู่ระดับ 4.3-4.7 หมื่นล้านบาทในระหว่างปี 2563-2565
? กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายโดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 1.45-1.55 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2565
? ความต้องการเงินทุนจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2563-2565
? อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ระดับ 100% ในช่วงปีประมาณการ
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและแน่นอนได้ในอนาคตอันใกล้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังอีกด้วยว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ดีและดำรงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะเครดิตของบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เนื่องจากอันดับของบริษัทสัมพันธ์กับสถานะเครดิตของบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงได้หากบริษัทมีหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเกิน 4 เท่าเป็นระยะเวลานาน หรือในกรณีที่สถานะเครดิตของบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ถดถอยลง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้
GLOW218A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 5,555 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-
GLOW259A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 AA-
GLOW265A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable