ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม? (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง โดยบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? จากทริสเรทติ้ง ซึ่งแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนภาระหนี้ที่สูงและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ที่อ่อนแอลงของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น
กลุ่มบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น มีอำนาจควบคุมแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจด้านนโยบายทางการเงินของบริษัทโดยตรง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 กลุ่มบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 72% บริษัทได้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการเป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งทั้งในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นอีกบริษัทย่อยของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ปัจจุบันบริษัทได้สิทธิในการให้บริการสาธารณูปโภคแก่นิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 11 แห่ง (รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม) และที่กำลังพัฒนาอีก 4 แห่ง ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงจากการที่คู่แข่งไม่สามารถเข้ามาประกอบธุรกิจในพื้นที่ที่บริษัทให้บริการได้ นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงหลายรายในโครงการโรงไฟฟ้าหลายแห่งอีกด้วย
บริษัทสร้างรายได้ในสัดส่วนที่สำคัญให้แก่ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น โดยในครึ่งแรกของปี 2563 บริษัทสร้างรายได้ในสัดส่วน 30% ของรายได้รวมของบริษัทแม่และ 56% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทแม่
คาดว่าธุรกิจจะเติบโตหลังภาวะแล้งและ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(โรคโควิด 19)
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคของบริษัทในปี 2563 จะลดลงเนื่องจากภาวะแล้งและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 บริษัทมีรายได้และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภคลดลงจากในช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณ 10% และ 20% มาอยู่ที่ระดับ 800 ล้านบาทและ 300 ล้านบาท ตามลำดับ โดยภาวะแล้งทำให้ลูกค้าของบริษัทหลายรายโดยเฉพาะในธุรกิจปิโตรเคมีปรับเปลี่ยนแผนการบำรุงรักษาโรงงานเพื่อลดการใช้น้ำในช่วงภาวะแล้ง
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสัดส่วนรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจสาธารณูปโภคจะเติบโตไปอยู่ที่ 2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2565 โดยปัจจัยในการเพิ่มขึ้นของรายได้เกิดจากการขยายตัวของลูกค้ารายใหญ่ในประเทศไทยในกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจปิโตรเคมีในนิคมอุตสาหกรรมภายใต้การดำเนินงานของบริษัทดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ การขยายนิคมอุตสาหกรรมไปยังประเทศเวียดนามและการมีสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของบริษัท เช่น น้ำปราศจากแร่ธาตุ และน้ำสะอาดจากการบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรม ยังสร้างกลยุทธ์ใหม่ให้แก่บริษัทในการสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย
บริษัทยังวางแผนจะขยายธุรกิจสาธารณูปโภคนอกเขตนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่นอีกด้วย โดยในปี 2562 บริษัทได้ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนามจำนวน 2 แห่งคือ Cua Lo Water Supply Joint Stock Company และ Duong River Surface Water Plant JSC โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมที่ประมาณ 3 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้เกิดความล่าช้าในการเพิ่มยอดขายจากเดิมที่เคยคาดไว้ในธุรกิจที่ประเทศเวียดนาม ส่งผลให้บริษัทต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทที่ไปร่วมทุนเป็นจำนวน 67 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2563
กระแสเงินสดจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่คาดการณ์ได้
กระแสเงินสดจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่บริษัทได้ร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจหลายรายนั้นค่อนข้างมั่นคง โดยบริษัทถือหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าหลายแห่งภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) และโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาก (Very Small Power Producer -- VSPP) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 กำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 570 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 592 เมกะวัตต์ภายในปลายปี 2563
บริษัทได้รับเงินปันผลจากโครงการโรงไฟฟ้าจำนวน 804 ล้านบาทในปี 2562 และ 1.2 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลที่จำนวน 1.6 พันล้านบาทในปี 2563 และ 1.1-1.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2565 นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการลงทุนในระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่ขนาด 100 เมกะวัตต์ได้ภายในปี 2565 โดย ณ เดือนมิถุนายน 2563 บริษัทได้ทำการติดตั้งไปแล้วที่ขนาด 44 เมกะวัตต์
ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น
อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 45% ในปี 2562 และ 48% ณ เดือนมิถุนายน 2563 จากระดับประมาณ 37% ในปี 2560-2561 โดยหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนาม บริษัทมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะเติบโตในธุรกิจด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน โดยในด้านธุรกิจสาธารณูปโภคนั้น บริษัทจะขยายตัวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทแม่ตามแผนและจะเพิ่มสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้มากขึ้น เช่น น้ำสะอาดจากการเปลี่ยนน้ำเสียจากอุตสาหกรรมและน้ำปราศจากแร่ธาตุ ส่วนในด้านธุรกิจพลังงานนั้น บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะขยายการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้นกว่าเดิมโดยเพิ่มการลงทุนในส่วนของระบบ Solar Rooftop และมีความร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานขยะและการค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ โดยงบลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ระดับ 1.3-1.8 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปีประมาณการและคาดว่าส่วนหนึ่งของแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืม ในการนี้ ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 43%-45% ในระหว่างปี 2563-2565
กระแสเงินสดอยู่ในระดับที่จัดการได้
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการชำระหนี้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า แหล่งเงินทุนเพื่อการชำระหนี้จะมาจากเงินสดในมือจำนวน 1.8 พันล้านบาท วงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกจำนวน 3.5 พันล้านบาท และเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะได้รับ 1.8 พันล้านบาทต่อปี เป็นหลัก โดยคาดว่าแหล่งเงินทุนดังกล่าวจะเพียงพอแก่การชำระหนี้เงินกู้ธนาคารและหุ้นกู้รวมจำนวน 6.2 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดภายใน 12 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ ในการออกหุ้นกู้นั้น บริษัทจะต้องดำรงอัตราส่วนทางการเงิน โดยต้องมีสัดส่วนอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่เกินกว่า 2.5 เท่า โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.91 เท่า ณ เดือนมิถุนายน 2563 ทั้งนี้ บริษัทไม่น่ามีปัญหาในการที่จะรักษาอัตราส่วนดังกล่าวในช่วงอีก 12-18 เดือนข้างหน้า
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
? รายได้รวมคาดว่าจะลดลง 11% ในปี 2563 เนื่องจากภาวะแล้งในประเทศไทยและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้น 17% ในปี 2564 และ 11% ในปี 2565 จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าและปิโตรเคมีแห่งใหม่
? อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับประมาณ 33%-36% และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (รวมเงินปันผลรับ) จะอยู่ที่ระดับประมาณ 90%-140%
? งบลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 1.3-1.8 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563-2565
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นไปตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม? ของทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่ารูปแบบและระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่นและบริษัทจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น อันดับเครดิตของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับสถานะเครดิตของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดกับอันดับเครดิตของบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น หรือความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
WHAUP216A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,390 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A-
WHAUP22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-
WHAUP236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,290 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
WHAUP256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,320 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
WHAUP302A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative