ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล
คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาท และหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 1 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ?BBB+? ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระค่าใบอนุญาคลื่นความถี่ และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในฐานะเป็นผู้ดำเนินธุรกิจหลักที่มีความสำคัญของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ?BBB+/Stable? จากทริสเรทติ้ง ตลอดจนสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในอุตสาหกรรมสื่อสารแบบไร้สายในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากภาระหนี้ของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม ตลอดจนความต้องการใช้เงินลงทุนเพื่อขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้เทคโนโลยีใหม่ และชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่
ในปี 2563 รายได้จากซิมท่องเที่ยวและบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (International Roaming) ของบริษัทลดลงเป็นผลมาจากการห้ามการเดินทางและการจำกัดการทำกิจกรรมนอกเคหะสถานเพื่อระงับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) การขยายฐานลูกค้าเผชิญอุปสรรคจากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ถึงแม้บริษัทจะได้ผลกระทบดังกล่าว แต่รายได้จากการให้บริการสื่อสารข้อมูลกลับเติบโตเพิ่มขึ้นจากมาตรการขอความร่วมมือทำงานจากบ้าน (Work-from-Home) ของรัฐบาลและความต้องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการดำเนินกิจกรรมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปิดประเทศดังกล่าว
ผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของบริษัทแม่และของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 สอดคล้องกับประมาณการของ
ทริสเรทติ้ง โดยบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น มีรายได้จากการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ทั้งสิ้น 6.98 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charges ? IC) จำนวนประมาณ 5.32 หมื่นล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท
ณ เดือนมิถุนายน 2563 บริษัททรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น มีฐานลูกค้าจำนวน 30.16 ล้านราย ลดลงจาก 30.64 ล้านราย ณ ปลายปี 2562 ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทสร้างรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายทั้งสิ้น 3.79 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่รายได้หดตัว 1% บริษัทยังคงสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้ให้บริการสื่อสารแบบไร้สายขนาดใหญ่อันดับที่สองของประเทศ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านรายได้คิดเป็นสัดส่วน 31.4%
รายได้จากการให้บริการเสียงและข้อมูลของบริษัทเติบโตเกือบ 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการใช้บริการสื่อสารข้อมูลที่เพิ่มขึ้น รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อเลขหมาย (Average Revenue Per User ? ARPU) ของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 216 บาทในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 จาก 212 บาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากซิมท่องเที่ยวและรายได้จากบริการข้ามแดนอัตโนมัติลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นโดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 และมีเงินทุนจากการดำเนินงานเกือบ 1.1 หมื่นล้านบาท
ภาระหนี้สินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูง โดยมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วที่ระดับ 2.52 แสนล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2563 และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ประมาณ 9.1 เท่า และมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ 5.8%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งไว้ได้ และจะยังคงมีผลการดำเนินการที่ปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังคาดว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มทรูต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ตามเกณฑ์ ?วิธีการจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม? (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง อันดับเครดิตของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของบริษัทแม่ การเปลี่ยนแปลงใดใดในอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทแม่จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน
ข้อพิพาทด้านกฎหมายต่าง ๆ ที่มีมาในอดีตยังคงมีความไม่แน่นอนและใช้เวลาในการพิจารณาวินิจฉัย ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันในทางลบหากความคืบหน้าของข้อพิพาทส่งผลกระทบทางลบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TUC211A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,809.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+
TUC218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,998.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+
TUC21NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,961.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+
TUC21DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10,974.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 BBB+
TUC225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,258.30 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TUC228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TUC22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,772.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 BBB+
TUC238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 8,001.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TUC23DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,545.10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 BBB+
TUC241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,190.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,182.90 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC245A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,789.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC246A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 BBB+
TUC256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 18,544.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
TUC25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,838.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
TUC26DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 7,480.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 BBB+
TUC275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,376.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 BBB+
TUC295A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,575.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 BBB+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 7 ปี BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable